สินค้าคงเหลือ Inventory
ในการประกอบกิจการใด ๆสถานะความมั่นคงและสภาพคล่องทางการเงินสามารถวัดได้จากสินทรัพย์หมุนเวียนของกิจการ ซึ่งต้องมีจำนวนมากกว่าหนี้สินหมุนเวียนจึงจะหมายความว่ากิจการนั้น ๆมีสถานะภาพทางการเงินที่แข็งแรง ดำเนินธุรกิจได้ดีและมีความสามารถในการชำระหนี้
- สินค้าคงเหลือ
อย่างไรก็ตาม ในรายการสินทรัพย์หมุนเวียนที่สำคัญนอกจากจะประกอบไปด้วยเงินสด ลูกหนี้การค้าและหลักทรัพย์ในความต้องการของตลาดแล้ว ยังมีสินทรัพย์อีกรายการหนึ่งที่สำคัญต่อการหารายได้ และส่งผลกระทบต่อฐานะการเงินในงบดุลของกิจการ นั่นก็คือ “สินค้าคงเหลือ” ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่เจ้าของกิจการควรมีความรู้ความเข้าใจและสามารถบริหารจัดการตีมูลค่าได้ ดังต่อไปนี้
ความสำคัญของสินค้าคงเหลือ
สินค้าคงเหลือโดยทั่วไปหมายถึงสินค้าสำเร็จรูปได้ผ่านขั้นตอนการผลิตมาอย่างสมบูรณ์ เตรียมพร้อมสำหรับการขาย แต่ในทางบัญชีสินค้าคงเหลือ แบ่งได้ดังนี้
- สินค้าสำเร็จรูปคือ สินค้าที่ผลิตโดยสมบูรณ์อยู่ในสภาพพร้อมขาย โดยมีต้นทุนประกอบด้วยวัตถุดิบ ค่าแรง และค่าใช้จ่ายในการผลิต
- สินค้าระหว่างการผลิตคือ สินค้าที่กำลังอยู่ในกระบวนการผลิต ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ โดยมีต้นทุนเช่นเดียวกับสินค้าสำเร็จรูป
- วัตถุดิบทางตรงคือ สิ่งที่กิจการซื้อเพื่อนำมาแปรสภาพหรือผลิตสินค้าสำเร็จรูป เช่น ไม้ เหล็ก เม็ดพลาสติก เป็นต้น
- วัตถุดิบทางอ้อมหรือวัสดุโรงงานเป็นสิ่งที่ใช้ในการผลิตแต่ไม่ใช่ส่วนประกอบโดยตรงของสินค้าสำเร็จรูป ซึ่งยากแก่การคำนวณ โดยส่วนใหญ่จะใช้วิธีคำนวณเป็นงวดๆการผลิตและส่วนที่เหลืออยู่ให้ถือเป็นสินค้าคงเหลือของงวดนั้น
ดังนั้นจะเห็นได้ว่า สินค้าคงเหลือในทางบัญชี ประกอบด้วย 4 รายการหลัก ซึ่งจำเป็นต้องวัดมูลค่าของสินค้าคงเหลือเหล่านี้และแสดงในงบการเงินให้ถูกต้อง โดยราคาที่ใช้ในการบันทึกสินค้าคงเหลือ จะต้องเป็นราคาทุนซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายต่าง ๆที่เกิดขึ้นในการจัดหาหรือผลิตสินค้านั้น ๆ โดยประกอบไปด้วย
- ค่าวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิต โดยอ้างอิงจากราคาที่ซื้อตามใบกำกับภาษีจากผู้ขาย หักด้วยประมาณการของส่วนลดการค้า(จากผู้ขาย)
- ค่าแรงในการผลิต ให้คิดคำนวณจากค่าจ้างรายวันหรือรายเดือน นำมาคำนวณเป็นต้นทุนในการผลิต
- ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่ได้จ่ายไปเพื่อให้ได้สินค้านั้นมา เช่น ค่าขนส่ง ค่าประกันภัยสินค้าระหว่างขนส่ง ค่าภาษีอากร เป็นต้น
สินค้าคงเหลือ ตามคำนิยาม หมายถึง สินทรัพย์ซึ่งมีลักษณะใดลักษณะหนึ่งดังต่อไปนี้
- ถือไว้เพื่อขายตามลักษณะการประกอบธุรกิจ ตามปกติของกิจการ
- อยู่ในระหว่างกระบวนการผลิตเพื่อให้เป็นสินค้าสำเร็จรูปเพื่อขาย
- อยู่ในรูปของวัตถุดิบ หรือวัสดุที่มีไว้เพื่อใช้ในกระบวนการผลิต สินค้าหรือให้บริการ
สินค้าคงเหลือยังแบบประเภทได้ตามนี้
- สินค้าที่ซื้อมาและขายต่อ
- สินค้าสำเร็จรูป สินค้าระหว่างผลิต วัตถุดิบ หรือวัสดุที่ใช้ในการผลิต
- ต้นทุนงานให้บริการสำหรับกิจการผู้ให้บริการ ซึ่งยังไม่ได้มีการรับรู้รายได้ตามมาตรฐาน (การบัญชี ฉบับที่ 18 เรื่อง รายได้)
วิธีนับสินค้าคงเหลือ
และเนื่องจากสินค้าคงเหลือเป็นรายการสินทรัพย์หมุนเวียนที่สำคัญเพราะเป็นสินทรัพย์ที่สร้างรายได้และผลกำไร/ขาดทุนโดยตรงให้กิจการ ดังนั้นก่อนการทำบันทึกบัญชีเกี่ยวกับสินค้าคงเหลือ นักบัญชีควรเลือกวิธีการตีราคาสินค้าคงเหลือให้เหมาะสม โดยมีให้เลือกหลายวิธี เช่น
- วิธีเข้าก่อน ออกก่อน (First-in , First –out) วิธีนี้เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมมากเพราะเข้าใจได้ง่าย โดยสินค้าที่เข้ามาก่อนย่อมต้องออกไปก่อนทุกครั้ง ดังนั้นต้นทุนของสินค้าที่ซื้อเข้ามาก่อนจะเป็นต้นทุนขายและต้นทุนสินค้าที่เข้ามาทีหลังจึงเป็นสินค้าคงเหลือ หากทำเช่นนี้ไปเรื่อยๆเมื่อใกล้สิ้นปีสินค้าคงเหลือจะมีมูลค่าใกล้เคียงกับตลาดมากที่สุดสะท้อนฐานะทางการเงินของกิจการได้ใกล้เคียงกับความจริง
- วิธีคิดราคาทุนที่ระบุเฉพาะ เป็นการคิดมูลค่าของสินค้าแบบเฉพาะเจาะจง เนื่องจากสินค้าแต่ละชิ้นจะมีมูลค่าเป็นของตัวเอง ซึ่งวิธีนี้เหมาะกับสินค้ามูลค่าสูงมีการขายไม่บ่อยนัก เช่น เครื่องเพชร สินค้าสั่งทำจำเพาะ รถยนต์ หรือเครื่องจักรชนิดพิเศษ เป็นต้น ซึ่งการบันทึกสินค้าคงเหลือด้วยวิธีนี้ต้องเลือกสินค้าให้เหมาะสม เพราะอาจทำให้เกิดค่าใช้จ่ายสูงเกินจำเป็นในงบการเงิน ส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์สถานะการเงินของกิจการได้
- วิธีถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก เป็นวิธีเฉลี่ยต้นทุนให้กับสินค้าทุกหน่วยหน่วยละเท่า ๆกัน โดยนำผลรวมราคาทุนของสินค้าทั้งหมดหารด้วยจำนวนหน่วยสินค้าที่ขาย จากนั้นนำมาถ่วงน้ำหนักในแต่หน่วยสินค้า ซึ่งเหมาะกับสินค้าย่อยปริมาณมาก ๆที่ปะปนกัน แต่มีข้อเสียคือไม่สามารถสะท้อนราคาที่แท้จริงของตลาดได้ ซึ่งอาจทำให้งบการเงินมีความคลาดเคลื่อน
กล่าวโดยสรุป สินค้าคงเหลือเป็นสินทรัพย์หมุนเวียนที่สะท้อนถึงสถานะทางการเงินของกิจการผ่านรายงานแสดงงบดุล ดังนั้นผู้ประกอบกิจการควรมีความรู้ความใจสามารถบริหารสินค้าคงเหลือได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งเลือกวิธีการตีราคาสินค้าคงเหลือได้เหมาะสมกับประเภทของกิจการ ซึ่งจะช่วยแสดงฐานะทางการเงินทางการเงินของกิจการได้ใกล้เคียงกับความเป็นจริงที่สุดเพื่อประโยชน์ในการนำไปวิเคราะห์และปรับปรุงการดำเนินงานของกิจการต่อไป
ตัวอย่างการบันทึกบัญชี สินค้าคงเหลือ
- บันทึกบัญชีสินค้าคงเหลือ
ลักษณะทั่วไปของสินค้าคงเหลือ
มาตราฐานรายงานทางการเงิน เรื่องสินค้าคงเหลือ ได้ให้นิยามความหมายของคำว่า “สินค้าคงเหลือ” (Merchandise Inventory)
- ถือไว้เพื่อขายตามลักษระการประกอบธุรกิจตามปกติ หรือ
- อยู่ในระหว่างกระบวนการผลิตเพื่อให้เป็นสินค้าสำเร็จรูปเพื่อขาย หรือ
- อยู่ในรูปวัตุดิบ หรือวัสดุที่มีไว้เพื่อใช้ในการบวนการผลิตสินค้าหรืให้บริการ
***หากเข้าข้อใดข้อหนึ่งให้ถือว่าเป็นสินค้าคงเหลือในกิจการ
ธุรกิจที่มีสินค้าคงเหลือ หลักๆ คือ
ธุรกิจที่มีสินค้าคงเหลือ
1.ธุรกิจผลิตสินค้าเพื่อขาย สินค้าคงเหลือ แบ่งออกเป็น 4 ประเภท สินค้าคงเหลือ มีอะไรบ้าง
- สินค้าสำเร็จรูป (Finished Goods)
- งานระหว่างทำ (Work in Process)
- วัตถุดิบ (Raw Meterial)
- วัสดุสิ่งห่อหรือเพื่อการผลิต
2.ธุรกิจซื้อ-ขายสินค้า สินค้าคงเหลือ คือ สินค้าสำเร็จรูปที่พร้อมขาย ( จะอยู่ในรูปแบบที่มีไว้เพื่อขายสำหรับไว้ค้าปลีกและถือไว้เพื่อขายเท่านั้น )
วิธีการบันทึกบัญชีเกี่ยวกับสินค้าคงเหลือ
กิจการซื้อขายสินค้าจะมีการซื้อสินค้ามาเพื่อขายให้เพียงพอและมีการสำรองสินค้าไว้เพื่อให้มั่นใจได้ว่ากิจการมีสินค้าพร้อมขายตลอดเวลา ดังนั้น เมื่อถึงวันสิ้นงวดบัญชีจึงต้องมีการตรวจนับและตีราคาสินค้าว่าคงเหลืออยู่เป็นจำนวนเงินเท่าใด จะบันทึกเป็น “สินค้าคงเหลือ ณ วันสิ้นงวดบัญชี หรือสินค้าคงเหลือปลายงวด” นำไปแสดงเป็นสินทรัพย์หมุนเวียนในงบดุล
วิธีการบันทึกบัญชีเกี่ยวกับสินค้ามี 2 วิธี คือ
- วิธีบันทึกบัญชีสินค้าคงเหลือแบบต่อเนื่อง ( Perpetual Inventory Method )
- วิธีบันทึกบัญชีสินค้าคงเหลือแบบสิ้นงวด ( Periodic Inventory Method
วิธีที่ 1 บันทึกบัญชีสินค้าคงเหลือแบบต่อเนื่อง ( Perpetual Inventory Method )
วิธีนี้กิจการจะเปิด “บัญชีสินค้าคงเหลือ”ขึ้นเพื่อบันทึกการเคลื่อนไหวของสินค้าที่เกิดขึ้นตลอดปีดำเนินงาน โดยบันทึกมูลค่าของสินค้าไม่ว่าจะเป็นการซื้อหรือขายสินค้าการส่งคืนรับคืนดังนั้นยอดคงเหลือในบัญชีสินค้าคงเหลือคือ สินค้าที่ยังเหลืออยู่และยังมิได้ขายซึ่งจะทำให้ทราบยอดคงเหลือของสินค้าได้ตลอดเวลา วิธีนี้เหมาะสำหรับกิจการที่ขายสินค้าราคาแพง ข้อดีของวิธีนี้คือ ทำให้สามารถทราบยอดคงเหลือของสินค้าได้ตลอดเวลา จากบัญชีสินค้าคงเหลือโดยไม่ต้องมีการตรวจนับสินค้า ข้อเสีย คือ การบันทึกบัญชีสินค้าคงเหลือทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงในมูลค่าของสินค้า
นั้นจะทำให้มีการบันทึกบัญชีค่อนข้างมาก
การบันทึกบัญชีที่เกี่ยวข้องกับการซื้อสินค้า
-
- ซื้อสินค้า
- ค่าใช้จ่ายในการซื้อ
- การส่งคืน
- ส่วนลดรับ
- ซื้อสินค้า เมื่อกิจการซื้อสินค้ามาเพื่อขายจะมีผลกระทบต่อบัญชีสินค้าคงเหลือ นั่นคือมีจำนวนสินค้าเพิ่มขึ้น
- ค่าใช้จ่ายในการซื้อ เช่น ค่าขนส่ง ค่าใช้จ่ายนำเข้า ค่าภาษีขาเข้า ฯลฯ เมื่อกิจการซื้อสินค้า ตามวิธีนี้ จะบันทึกค่าใช้จ่ายในการซื้อ ในบัญชีสินค้าคงเหลือทางด้านเดบิต เนื่องจากทำให้สินค้ามีต้นทุนเพิ่มขึ้น
- การส่งคืน การส่งคืนสินค้าเกิดขึ้นในกรณีที่ผู้ซื้อได้รับสินค้าไม่ถูกต้องตามที่สั่งซื้อ ตามวิธีนี้จะบันทึกการส่งคืนเข้าบัญชีสินค้าคงเหลือทางเครดิต เนื่องจากมีผลทำให้ต้นทุนของสินค้าลดลง
- ส่วนลดรับ ในกรณีที่ผู้ซื้อซื้อสินค้าเป็นเงินเชื่อ และผู้ขายมีเงื่อนไขให้ส่วนลดแก่ผู้ซื้อเมื่อผู้ซื้อชำระเงินภายในเวลาที่กำหนดตามเงื่อนไขส่วนลดเงินสด ตามวิธีจะบันทึกเข้าบัญชีสินค้าคงเหลือทางด้านเครดิต เนื่องจากมีผลทำให้ต้นทุนของสินค้าที่ซื้อลดลง
การบันทึกบัญชีเกี่ยวข้องกับการขายสินค้า
-
- บันทึกการขาย
- บันทึกต้นทุนสินค้าที่ขาย
- ค่าใช้จ่ายในการขาย
- รับคืนสินค้า
- ส่วนลดจ่าย
- ขายสินค้า รายได้จากการขายสินค้าจะบันทึกเข้าบัญชีขาย การขายสินค้าตามวิธีนี้ ต้องบันทึกต้นทุนสินค้าที่ขายทุกครั้งที่มีการขาย
- บันทึกต้นทุนสินค้าที่ขาย
- ค่าใช้จ่ายในการขาย กิจการขายสินค้า และเป็นผู้รับภาระค่าใช้จ่ายในการขายต่างๆเช่น ค่าขนส่ง กิจการ จะบันทึกเข้าบัญชีค่าใช้จ่ายในการขาย เป็นบัญชีหมวดค่าใช้จ่าย
- รับคืนสินค้า ในระหว่างการขนส่ง สินค้าอาจจะชำรุดเสียหาย ผิดขนาด คุณภาพไม่ตรงตามที่ระบุหรือสินค้ามีตำหนิ การบันทึกบัญชีตามวิธีนี้ จะบันทึก 2 ขั้นตอน โดยบันทึกการรับคืนสินค้าในราคาขาย และบันทึกราคาทุนของสินค้าที่รับคืน
- ส่วนลดจ่าย กรณีที่ผู้ขายขายสินค้าเป็นเงินเชื่อ และมีเงื่อนไขให้ส่วนลดแก่ผู้ซื้อ ผู้ขายจะให้ส่วนลดเงินสดแก่ผู้ซื้อ โดยจะบันทึกในบัญชี “ส่วนลดจ่าย” ซึ่งมีผลทำให้มูลค่าขายสินค้าลดลง
ตามวิธีบันทึกบัญชีสินค้าคงเหลือแบบต่อเนื่องทุกครั้งที่มีรายการขายสินค้าการบันทึกต้นทุนสินค้าขายด้วยและเมื่อมีการรับคืนจะบันทึกลดยอดต้นทุนสินค้าที่ขาย โดยต้นทุนสินค้าที่ขายนี้ จะบันทึก “ต้นทุนขาย” วันสิ้นงวด บัญชีต้นทุนขายจะถูกปิดไปเข้าบัญชีกำไรขาดทุน
วิธีที่ 2 บันทึกบัญชีสินค้าคงเหลือแบบสิ้นงวด ( Periodic Inventory Method )
วิธีนี้จะไม่มีการบันทึก “บัญชีสินค้าคงเหลือ” ในระหว่างงวดดังนั้นยอดคงเหลือในบัญชีสินค้าคงเหลือจะเป็นยอดของสินค้าคงเหลือ ณ วันต้นงวดและจะไม่บันทึกต้นทุนขายของสินค้าทุกครั้งที่มีการขาย วิธีการบันทึกบัญชีสินค้าคงเหลือเมื่อสิ้นงวดนี้ เมื่อต้องการทราบยอดคงเหลือของสินค้า ณ วันใดวันหนึ่ง จะต้องทำการตรวจนับและตีราคาสินค้าคงเหลือ และถ้าต้องการทราบต้นทุนของสินค้าที่ขายต้องทำการคำนวณ
ดังนั้นเมื่อถึงวันสิ้นงวดจึงต้องทำการตรวจนับบัญชีสินค้าคงเหลือเพื่อนำมาบันทึกเป็นสินค้าคงเหลือปลายงวดวิธีนี้เหมาะสำหรับกิจการที่มีการขายในปริมาณมากเช่นห้างสรรพสินค้าข้อดีของวิธีนี้คือการบันทึกบัญชีทำได้ง่ายและประหยัดเวลาข้อเสียคือไม่สามารถทราบยอดคงเหลือของสินค้าคงเหลือได้ทันทีต้องทำการตรวจนับ
การบันทึกบัญชีเกี่ยวข้องกับซื้อสินค้า
-
- ซื้อสินค้า
- ค่าใช้จ่ายในการซื้อ
- ส่งคืนสินค้า
- ส่วนลดรับ
- ซื้อสินค้า เมื่อกิจการซื้อสินค้ามาจะบันทึกเข้าบัญชีซื้อด้วยราคาทุนที่ซื้อ
- ค่าใช้จ่ายในการซื้อ เช่น ค่าขนส่งเข้า ค่าใช้จ่ายนำเข้า ค่าภาษีขาเข้า ฯลฯ เมื่อกิจการซื้อสินค้า ตามวิธีนี้ จะบันทึกค่าใช้จ่ายในการซื้อ ในบัญชีค่าใช้จ่ายประเภทนั้นๆ ทางด้านเดบิต
- ส่งคืนสินค้า การส่งคืนสินค้าเกิดขึ้นในกรณีที่ผู้ซื้อได้รับสินค้าไม่ถูกต้องโดยจะบันทึกเข้าบัญชีส่งคืน
- ส่วนลดรับ ในกรณีที่ผู้ซื้อซื้อสินค้าเป็นเงินเชื่อ และผู้ขายมีเงื่อนไขในการให้ส่วนลดแก่ผู้ซื้อชำระเงินภายในเวลาที่กำหนด
การบันทึกบัญชีเกี่ยวกับการขายสินค้า
-
- ขายสินค้า
- ค่าใช้จ่ายในการขาย
- รับคืนสินค้า
- ส่วนลดจ่าย
- ขายสินค้า รายได้จากการขายสินค้าจะบันทึกเข้าบัญชีขาย และไม่ต้องบันทึกต้นทุนขายทุกครั้งที่มีการขาย
- ค่าใช้จ่ายในการขาย เช่น ค่าขนส่ง เมื่อกิจการขายสินค้าเป็นผู้รับภาระค่าขนส่งจะบันทึกเข้าบัญชีค่าขนส่งออก
- รับคืนสินค้า จะบันทึกเพียงรับคืนสินค้าในราคาขายเท่านั้น
- ส่วนลดจ่าย ในกรณีที่ผู้ขายสินค้าเป็นเงินเชื่อ และมีเงื่อนไขให้ส่วนลดแก่ผู้ซื้อ เมื่อผู้ซื้อชำระเงินภายในเวลาที่กำหนดตามเงื่อนไขส่วนลดเงินสด โดยจะบันทึกในบัญชี “ส่วนลดจ่าย”
การคำนวณต้นทุนสินค้าที่ขาย (Cost of Goods’ sold)
บันทึกบัญชีสินค้าคงเหลือเมื่อสิ้นงวด จะไม่มีการบันทึกต้นทุนขายเมื่อมีการขายหรือรับคืน ดังนั้นเมื่อต้องการทราบต้นทุนสินค้าที่ขายจึงต้องคำนวณ ดังนี้
ต้นทุนขาย = สินค้าคงเหลือต้นงวด + ซื้อสุทธิ – สินค้าคงเหลือปลายงวด
และ ซื้อสุทธิ = ซื้อ + ค่าใช้จ่ายในการซื้อ – ส่งคืน – ส่วนลดรับ
โดยสินค้าคงเหลือต้นงวดได้มาจากยอดคงเหลือในบัญชีสินค้าคงเหลือ ส่วนสินค้าคงเหลือปลายงวดได้มาจากการตรวจนับและตีราคาสินค้า ณ วันสิ้นงวด
การตีราคาสินค้าคงเหลือ
ไม่ว่าจะบันทึกสินค้าด้วยวิธีใดก็ตาม จำนวนเงินของสินค้าคงเหลือปลายงวดจะต้องตีราคาให้ถูกต้องและเหมาะสม การตีราคาสินค้าคงเหลือ ตามมาตรฐานการบัญชี ให้ใช้ราคาทุนหรือมูลค่าสุทธิที่จะได้รับแล้วแต่อย่างใดจะต่ำกว่า (Lower of cost or Net realizable Value)
มูลค่าสุทธิที่จะได้รับ (Net realizable Value) หมายถึง ราคาที่คาดว่าจะขายได้ หัก ต้นทุนส่วนเพิ่มที่จะผลิตต่อให้เสร็จ (กรณีที่เป็นสินค้าที่อยู่ในระหว่างผลิต) และค่าใช้จ่ายอื่นที่จำเป็นต้องจ่ายเพื่อให้ขายสินค้านั้นได้
การคำนวณราคาทุนของสินค้าคงเหลือ
วิธีคำนวณหาราคาทุนของสินค้าคงเหลือได้ 4 วิธีดังนี้
- Specific Identification Method (วิธีราคาเจาะจง)
- First in – First out Method หรือ FIFO (วิธีเข้าก่อน-ออกก่อน)
- Weighted Average Method (วิธีถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก)
- Moving Average Method (วิธีถัวเฉลี่ยแบบเคลื่อนที่)
Specific Identification Method (วิธีราคาเจาะจง)
วิธีราคาเจาะจงเหมาะสำหรับกิจการที่จำหน่ายสินค้าขนาดใหญ่มากๆ หรือสินค้าราคาสูงมากและมีสินค้าจำหน่ายในท้องตลาดจำนวนไม่มาก เช่น เครื่องบิน เครื่องจักร หม้อแปลงไฟฟ้าขนาดใหญ่ ฯลฯ ซึ่งสามารถชี้เฉพาะเจาะจงลงไปได้ว่าสินค้าชิ้นนั้นมีราคาทุนเท่าใด วิธีราคาเจาะจงนี้ใช้ได้ทั้งกรณีที่กิจการบันทึกสินค้าแบบ Periodic Inventory และ Perpetual Inventory ซึ่งทั้งสองวิธีนั้นจะคำนวณเช่นเดียวกัน
First in – First out Method หรือ FIFO (วิธีเข้าก่อน-ออกก่อน)
วิธีเข้าก่อน-ออกก่อน เป็นวิธีที่นิยมใช้ในทางปฏิบัติกันอย่างแพร่หลาย เหมาะสำหรับกิจการที่มีสินค้าจำนวนมาก การตีราคาสินค้าตามวิธีนี้ถือว่าสินค้าใดซื้อมาก่อนจะถูกนำไปขายก่อน สินค้าที่เหลืออยู่จะเป็นสินค้าที่ซื้อมาครั้งหลังสุดตามลำดับย้อนขึ้นไป ส่วนต้นทุนสินค้าที่ขายจะเป็นสินค้าที่ซื้อมาจากครั้งแรกสุดไล่ลงมาตามลำดับการซื้อ
Weighted Average Method (วิธีถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก)
วิธีนี้ถือว่าราคาทุนถัวเฉลี่ยของสินค้าต่อหน่วยเป็นจำนวนเงินของสินค้าที่ไว้ขายทั้งสิ้น ซึ่งยกมาจากต้นงวด บวก สินค้าที่ซื้อมาระหว่างงวด หารด้วยจำนวนหน่วยของสินค้าที่มีไว้ขายทั้งสิ้น จำนวนเงินของสินค้าคงเหลือคำนวณได้โดยนำจำนวนสินค้าที่เหลือคูณกับราคาทุนถัวเฉลี่ยต่อหน่วย วิธีนี้มีข้อจำกัดคือ ใช้ได้เฉพาะกิจการที่บันทึกสินค้าแบบ Periodic Inventory Method เท่านั้น
Moving Average Method (วิธีถัวเฉลี่ยแบบเคลื่อนที่)
วิธีนี้จะต้องคำนวณราคาทุนของสินค้าต่อหน่วยทุกครั้งที่มีการซื้อสินค้าเข้ามา ต้นทุนของสินค้าที่ขายจะใช้ราคาทุนต่อหน่วยซึ่งคำนวณไว้ในครั้งสุดท้ายก่อนการขายนั้น ข้อจำกัดของวิธีนี้ คือ ใช้ได้เฉพาะกิจการที่บันทึกบัญชีสินค้าแบบ Perpetual Inventory Method เท่านั้น
การปรับราคาทุนที่ลดลงเนื่องจากมูลค่าสุทธิที่จะได้รับต่ำกว่าราคาทุน
เมื่อกิจการซื้อสินค้ามาขายไม่ว่าจะบันทึกบัญชีสินค้าคงเหลือแบบ Periodic Inventory Method หรือ Perpetual Inventory Method ณ วันสิ้นงวดบัญชีกิจการต้องตีราคาสินค้าในราคาทุน หรือมูลค่าสุทธิที่จะได้รับแล้วแต่อย่างใดจะต่ำกว่า กรณีที่มูลค่าสุทธิที่จะได้รับ (Net realizable Value) ต่ำกว่า ต้องทำการปรับปรุงราคาทุนที่ลดลง
ถ้ากิจการบันทึกสินค้าแบบ Periodic Inventory Method ทำได้ 3 วิธี คือ
วิธีการบัญทึกบัญชีปรับราคาทุนที่ลดลงทำได้ ดังนี้
- ผลขาดทุนเนื่องจากมูลค่าสุทธิที่จะได้รับต่ำกว่าราคาทุน ไม่แสดงแยกต่างหาก ให้รวมอยู่ในส่วนหนึ่งของต้นทุนขาย
จะบันทึกบัญชีโดย
เดบิต สินค้าคงเหลือ (งบดุล) xx
เครดิต การเปลี่ยนแปลงในสินค้าคงเหลือ (งบกำไรขาดทุน) xx (สินค้าคงเหลือต้นงวด – ปลายงวด)
ซึ่งอาจอยู่เดบิตหรือเครดิตก็ได้ ขึ้นอยู่กับสินค้าปลายงวดเพิ่มขึ้นหรือลดลงจากต้นงวด
- แสดงผลขาดทุนแยกต่างหากในบัญชีขาดทุนจากการลดราคาสินค้า
จะบันทึกบัญชีโดย
เดบิต สินค้าคงเหลือ (งบดุล) xx
ขาดทุนจากการลดราคาสินค้า (งบกำไรขาดทุน) xx
เครดิต การเปลี่ยนแปลงในสินค้าคงเหลือ (งบกำไรขาดทุน) xx (สินค้าคงเหลือต้นงวด – ปลายงวด)
ซึ่งอาจอยู่เดบิตหรือเครดิตก็ได้ ขึ้นอยู่กับสินค้าปลายงวดเพิ่มขึ้นหรือลดลงจากต้นงวด
- แสดงผลขาดทุนแยกต่างหากในบัญชีขาดทุนจากการลดราคาสินค้า โดยปรับปรุงคู่กับการตั้งบัญชีค่าเผื่อการลดราคาสินค้า
จะบันทึกบัญชีโดย
เดบิต สินค้าคงเหลือ (งบดุล) xx
เครดิต การเปลี่ยนแปลงในสินค้าคงเหลือ (งบกำไรขาดทุน) xx (สินค้าคงเหลือต้นงวด – ปลายงวด)
ซึ่งอาจอยู่เดบิตหรือเครดิตก็ได้ ขึ้นอยู่กับสินค้าปลายงวดเพิ่มขึ้นหรือลดลงจากต้นงวด
เดบิต ขาดทุนจากการลดราคาสินค้า (งบกำไรขาดทุน) xx
เครดิต ค่าเผื่อการลดราคาสินค้า (งบดุล) xx
วิธีนี้จะแสดงสินค้าคงเหลือปลายงวดในราคาทุน โดยนำผลขาดทุนจากการลดราคาสินค้าไปหักออกจากกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน ส่วนบัญชีค่าเผื่อการลดราคาสินค้านั้นจะนำไปหักออกจากบัญชีสินค้าคงเหลือในงบดุล