
Work from home
รู้จักกับการทำงานแบบ Work From Home ในยุค COVID-19
เนื่องมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า COVID-19 ซึ่งได้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงลุกลามไปทั่วโลกมาตั้งแต่ปี 2019 แม้ว่าปัจจุบันจะเข้าสู่กลางปี 2021 แล้วก็ตาม แต่หลายประเทศก็ยังต้องรับมือกับผลกระทบของวิกฤตการณ์การจากแพร่ระบาดเชื้อไวรัสนี้อยู่
Work From Home
ซึ่งผลกระทบที่ต้องเกิดขึ้นโดยตรงนั้นก็ คือ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบางส่วนไป เช่น การต้องสวมหน้ากากอนามัยเข้าในสังคมเพื่อการเข้าสู่ส่วนรวม ต้องล้างมือบ่อยครั้ง และที่สำคัญพฤติกรรมการทำงานที่ต้องรักษาระยะห่างมากขึ้น จึงได้เกิดการทำงานรูปแบบที่ทำงานที่บ้านของตนเอง เรียกว่าเป็น “การทำงานทางไกลและที่บ้าน” (Telework and work at home) นั้นเอง
Work From Home คืออะไร

รวม ข้อดี-ข้อเสียเมื่อต้องมีการ Work From Home
แน่นอนว่าเมื่อต้องมีการทำงานแบบทางไกลหรือทำงานที่บ้านแล้วย่อมส่งผลต่อพฤติกรรมที่จะเปลี่ยนไปบางส่วน โดยมีผลที่ตามมาหลายอย่างด้วยกันไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ดีและเรื่องที่ไม่ดี
ข้อดีของการ Work From Home
- สร้างความยืดหยุ่นในการทำงานมากขึ้น
ในระหว่างวันคุณสามารถจัดการลำดับขั้นการทำงานได้ดีมากขึ้น แบ่งการทำงานหลักงานรองได้ดีมากขึ้น ที่สำคัญคุณไม่จำเป็นต้องทำงานที่บ้านก็ได้ แต่ก็จะต้องสามารถรับผิดชอบงานนั้น ๆ ให้เสร็จสิ้นตามที่ได้รับมอบหมายให้ได้ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับบริษัทว่ามีความยืดหยุ่นในสถานที่ทำงานมากน้อยขนาดไหนด้วยเช่นกัน
- ลดความขัดแย้งได้ดี ไม่ถูกขัดจังหวะทำงาน
เชื่อว่าหลายคนมีปัญหาบ่อยครั้งในขณะที่ทำงาน อาจจะเสียสมาธิไปชั่วขณะเพราะคุณยังทำงานชิ้นนี้ไม่เสร็จ ก็โดนขัดจังหวะให้ตามเรื่องประชุมหรืออื่น ๆ รอบตัวมากมาย แน่นอนว่าสภาพแวดล้อมเช่นนั้น ส่งผลให้เกิดความขัดแย้งในที่ทำงานได้อย่างง่ายดายสุด ๆ การที่คุณได้ทำงานที่บ้านจึงเป็นทางเลือกให้คุณได้อยู่กับตัวเองมากขึ้น มีสติ สมาธิ ไม่ต้องรู้สึกขัดแย้งหรือทะเลาะกับเพื่อนร่วมงานเฉย ๆ ระหว่างวัน
- ทำหลายอย่างได้ในเวลาเดียวกัน
ไม่ว่าคุณจะประชุมหรือต้องปั่นงานก็ทำงานบ้านในวันนั้นไปด้วยได้แบบเนียน ๆ รวมทั้งสามารถจัดการงานหลายชิ้นพร้อม ๆ กันได้ ไม่ว่าจะเป็นงานส่วนตัวไม่เกี่ยวกับที่ทำงานก็ตาม เพราะเชื่อว่าบางคนอาจจะต้องเลี้ยงลูกที่ต้องเรียนที่บ้านเหมือนกัน ทางเลือกการได้ Work From Home จึงถือว่าช่วยลดภาระบางส่วนออกไปได้เช่นกัน
- ชุดอยู่บ้านก็คือชุดทำงาน
ถือเป็นข้อดีที่หลายคนชอบมาก เพราะในแต่ละวันกว่าคุณจะตื่นมาอาบน้ำแต่งตัว เดินทางไปทำงานก็เสียเวลาไปนับชั่วโมง ๆ แต่เมื่อคุณได้ปรับรูปแบบมาทำงานทางไกลหรือทำงานที่บ้าน ก็ทำให้คุณสามารถเลือกสวมชุดนอนแล้วประชุมงานได้ทันที หรือยิ่งไปกว่านั้นหลายโปรแกรมที่ต้องเห็นหน้าขณะประชุมมีฟีเจอร์สวมเสื้อผ้าหรือเลือกภาพพื้นหลังได้อีกด้วย ถือได้ว่าเป็นข้อดีสำหรับการทำงานที่บ้านอย่างมากทีเดียว
ข้อเสียของการ Work From Home
- ไม่รู้สึกถึงการได้กลับบ้าน
ซึ่งปัญหานี้ทำให้คนที่มักจะแบ่งพื้นที่ทำงานและที่บ้านเกิดปัญหาอย่างเลี่ยงไม่ได้ เพราะตามปกติคุณอาจจะต้องออกไปทำงานนอกบ้านซึ่งเป็นสถานที่ทำงานและเก็บหรือแบ่งเรื่องงานไว้เฉพาะที่ทำงานเท่านั้น ถึงเวลาที่หมดวัน เหน็ดเหนื่อยก็เดินทางกลับบ้านพักผ่อน แต่เมื่อรูปแบบการทำงานเป็นแบบทำงานที่บ้าน หลายคนจึงไม่รู้สึกว่าได้พักผ่อน ก็มีเช่นกัน
- ไม่มีเวลาทำงานชัดเจน
ปกติเมื่อเลิกงานแล้วเราอาจจะมีเวลาการทำงานที่ขัดเจน แต่สำหรับการทำงานอยู่ที่บ้านหรือทำงานแบบทางไกล อาจจะเสียประโยชน์เรื่องนี้ได้ง่ายมาก หรือบางคนอาจจะลืมไปเลยด้วยซ้ำว่ามีพักเที่ยงอยู่ สำหรับการติดต่องานเองก็อาจจะล่วงเลยชั่วโมงเลิกงานที่เคยมีก็เป็นได้เช่นกัน
- เหงา ไม่มีแรงบันดาลใจ
สำหรับบางคนที่ชอบการพบปะผู้คน การได้ทำงานทางไกลหรือที่งานที่บ้านก็เท่ากับอยู่คนเดียวก็มี ทำให้แทนที่จะรู้สึกสงบ กลับรู้สึกเหงาเพราะไม่เจอเพื่อร่วมงานเสียอย่างนั้น ดังนั้นคนที่ทำงานทางไกลก็อาจจะแก้ปัญหานี้ด้วยการคุยกับเพื่อนร่วมงานออนไลน์ แชทหาบ่อย ๆ ก็อาจจะช่วยหายเหงาไปได้บ้างนั้นเอง แต่ก็ไม่ใช้นั่งแชทเสียจนไม่ได้ทำงาน นอกจากนี้การสที่ไม่ออกไปเจอผู้คนก็อาจจะทำให้เราขาดแรงบันดาลใจได้ง่ายมาก เพราะเราต้องตื่นมาเจออะไรทุกอย่างแบบเดิมนั้นเอง
- ขาดวินัยการทำงาน
เพราะการทำงานที่ไม่ได้อยู่ในสถานที่ทำงานซึ่งมีผลในการสร้างความกดดันในการทำงาน ทำให้บางครั้งคุณปล่อยปะละเลยเรื่องงานมากขึ้น จากที่รู้สึกขี้เกียจทำงานเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เมื่อได้ทำงานที่บ้านก็จะยิ่งขี้เกียจมากยิ่งขึ้นไปอีก ฉะนั้นจะต้องตั้งวินัยสำหรับวันที่ต้องทำงานให้ดีเพื่อให้เราไม่เสียนิสัยไปนั้นเอง
- ขาดฝ่าย IT
แน่นอนว่าฝ่าย IT เหมือนพระเจ้าที่สามารถช่วยคุณได้ทุกเรื่องเมื่อติดปัญหาด้านเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เป็นอย่างดี กลับกันเมื่อคุณต้องทำงานที่บ้าน คุณจะต้องแก้ปัญหาเหล่านั้น ในแบบเฉพาะหน้าให้ได้ ซึ่งเป็นภาคบังคับสุด ๆ หากวันดีคืนดีเกิดทะเลาะกับคอมฯตัวเองขึ้นมาล่ะก็ ไม่ต้องได้ส่งงานกันพอดี ดังนั้นฝ่าย IT มีความสำคัญกับบริษัทมาก ทั้งนี้หลายบริษัทเลือกแก้ไขปัญหาโดยมีการให้โทรศัพท์ติดต่อ IT ได้เองโดยตรง เพื่อขอความช่วยเหลือเบื้องต้นเสียก่อน แต่ก็ได้แต่ภาวนาว่าอย่าพึ่งให้คอมฯมีปัญหาตอนที่จะมีการประชุมก็พอ
รวม 10 โปรแกรมตัวช่วยช่วง Work From Home
home work
- Serene
รองรับเฉพาะระบบคอมพิวเตอร์แมค โดยจะให้บริการได้ครั้งละประมาณ 20-60 นาที
- Slack
รองรับได้ทุกระบบคอมพิวเตอร์ และสามารถดาวน์โหลดใช้งานในมือถือได้ด้วยเช่นกัน มีค่าบริการเพื่อใช้งานพื้นที่เก็บข้อมูลอยู่ที่ 5.25 ปอนด์หรือประมาณ 210 บาท มีลักษณะการสทำงานแบบการส่งข้อความ เหมาะกับการทำงานเป็นทีม
- Zoom
รองรับได้ทุกระบบคอมพิวเตอร์ และสามารถดาวน์โหลดใช้งานในมือถือ โดยให้บริการลักษณะของวีดีโอคอนเฟอเรนซ์ เรียกว่าเป็น Zoom Meetings & Chat โดยจะมีบริการให้ฟรี และแบบเสียค่าบริการรายเดือนที่ 14.99 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 480 บาทต่อโฮสต์นั้นเอง
- Chrome Remote Desktop
รองรับได้ทุกระบบคอมพิวเตอร์ และสามารถดาวน์โหลดใช้งานในมือถือระบบปฏิบัติการ iOS, แอนดรอยด์, ระบบเสริมที่ติดตั้งใน Google Chrome โดยสามารถนำลิ้งค์ที่ได้ เพื่อเข้าใช้งาน
- Toggl
รองรับได้ทุกระบบคอมพิวเตอร์ทั้งวินโดวส์, แมค และสามารถดาวน์โหลดใช้งานในมือถือระบบปฏิบัติการ iOS, แอนดรอยด์
- Spark
รองรับได้สำหรับระบบคอมพิวเตอร์แมค และสามารถดาวน์โหลดใช้งานในมือถือระบบปฏิบัติการ iOS, แอนดรอยด์ โดยมีฟังก์ชันการกรองเอาอีเมลที่ไม่สำคัญออก หรือให้แจ้งเตือนในภายหลัง ค่าบริการแบบรายเดือน เริ่มต้นที่ 6.39 ดอลลาร์ต่อหนึ่งยูสเซอร์
- Google Drive
รองรับได้ทุกระบบคอมพิวเตอร์ทั้งวินโดวส์, แมค และสามารถดาวน์โหลดใช้งานในมือถือระบบปฏิบัติการ iOS, แอนดรอยด์ เว็บต่าง ๆ
- Calendar
รองรับได้ระบบคอมพิวเตอร์ทั้งวินโดวส์ และสามารถดาวน์โหลดใช้งานในมือถือระบบปฏิบัติการ iOS, แอนดรอยด์ เป็นตัวช่วยด้านการนัดหมาย และช่วยจัดการการประชุมได้เป็นอย่างดี
- Zapier
รองรับได้ทุกระบบคอมพิวเตอร์ทั้งวินโดวส์, แมค และสามารถดาวน์โหลดใช้งานในมือถือระบบปฏิบัติการ iOS, แอนดรอยด์ เว็บต่าง ๆ สามารถแชร์ข้อมูลได้โดยที่ไม่ต้องเข้าออกหลายเว็บ
- Daywise
รองรับได้เฉพาะระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์สำหรับมือถือเท่านั้น
กฎเหล็กของการ Work From Home ให้มีประสิทธิภาพ
work at home
เชื่อว่าหลายคนมีปัญหาเรื่องการที่ต้องทำงานที่บ้าน เพราะอาจจะเพราะความสะดวกสบายที่ทำให้ชีวิตของคุณยืดหยุ่นมากจนเกินไป บางครั้งยิ่งได้อยู่บ้านก็อาจจะทำให้ชีวิตส่วนตัวคุณไร้ระเบียนแบบแผน ไม่ถูกกำหนด ไม่รู้จะเริ่มทำอะไรก่อนหรือควรไปสิ้นสุดการทำงานตอนไหน ซึ่งอาจจะทำให้คุณเองเสียนิสัยได้ง่าย ๆ หลายองค์กรเลือกให้มีการเช็คอินเพื่อเข้าระบบ เสมือนการเข้างาน และหลายองค์กรก็ไม่ได้มีระบบอะไรเข้ามาช่วยมากนัก ดังนั้น เราทุกคนจึงควรมีเรื่องที่เราต้องฝึกและต้องบังคับตัวเองเพื่อไม่ให้เราเสียนิสัยและส่งผลต่อชีวิตการทำงานเรื่องส่วนตัวและเรื่องงานที่ซ้อนทับกันไม่เป็นระบบระเบียบได้นั้นเอง
- จัดพื้นที่สำหรับการนั่งทำงานโดยเฉพาะ
เป็นการแบ่งพื้นที่เพื่อให้รู้สึกเหมือนได้นั่งทำงานอยู่จริง จะช่วยให้คุณได้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพได้ดีขึ้น ไม่ว่าจะต้องประชุมหรือต้องทำงานสั่งด้วยตนเอง ก็สามารถแบ่งพื้นที่ได้อย่างชัดเจน โดยพื้นที่การทำงานเองก็มีผลทางด้านจิตวิทยาเช่นกัน ว่าเราจะรู้สึกอยากรับผิดชอบงานมากขึ้นเมื่อมีพื้นที่การทำงานส่วนตัว และส่งผลให้มีสมาธิการทำงานได้ดีมากขึ้นอีกด้วย
- ตั้งเวลาทำงาน
กำหนดเวลาการทำงานให้ชัดเจนในแต่ละวัน อาจะยืดหยุ่นได้เล็กน้อย เพื่อฝึกวินัยเรื่องการแบ่งเวลาให้ชัดเจน ไม่เสียเวลาทำงาน และไม่เสียเวลาการใช้ชีวิตส่วนตัว เมื่อถึงคราวต้องพักเที่ยงหรือทำงานติดต่อกันหลายชั่วโมงก็ควรจะมีเวลาพักสมองพักสายตาบ้าง เมื่อถึงเวลาที่ต้องเลิกงานก็ต้องหยุดและนำปัญหาหรือการทำงานไปลุยต่อวันถัดไป อย่าลืมว่าสุขภาพของคุณนั้นก็เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องดูแลให้มากที่สุด
- เมื่อต้องทำงาน ห้ามรับเรื่องอื่นมาปน เป็นการตัดสิ่งรอบตัวทิ้งไปให้หมด
สำหรับการทำงานที่ไม่ได้มีสภาพแวดล้อมเป็นเพื่อนร่วมงานหรืออยู่สถานที่ทำงาน อาจจะทำให้จิตใจคุณขาดสมาธิ และวอกแวกได้ง่าย ไม่ควรเปิดจอแท็ปแล็ตดูซีรีย์ไปด้วย เปิดทีวีดูข่าว หรือนั่งแชทมือถือไปพราง ควรตัดสิ่งที่อาจจะรบกวนสมาธิออกไปให้ได้มากที่สุด ให้เหมือนว่าคุณกำลังนั่งทำงานอยู่ที่ออฟฟิศนั้นเอง ทั้งนี้ก็อาจจะมีเสียงไม่พึงประสงค์ได้ เพราะอย่าลืมว่าเมื่อคุณต้องทำงานที่บ้าน หรือสถานที่ซึ่งไม่ได้อยู่เป็นออฟฟิศก็อาจจะมีเสียงรอข้าง ยิ่งหากอยู่บ้านที่มีหลายคนก็อาจจะเกิดเสียงอื่น ๆ หรือมีคนอื่นคนกวนคุณทั้งวันเช่นกัน ดังนั้นคุณเองก็อาจจะต้องหาพื้นที่ทำงานที่สามารถทำงานได้จริง และหากต้องทำงานในพื้นที่บ้านคนเยอะก็อาจจะต้องอธิบายให้ที่บ้านเข้าใจเวลาที่คุณต้องการความเป็นส่วนตัว และอาจจะเลี่ยงเสียงอื่นด้วยการใส่หูฟังลดเสียงก็ได้เช่นกัน
- สื่อสารกับทีมงานและเพื่อนร่วมงานให้ดี
เพราะต้องสื่อสารกันแบบระยะไกล อาจจะทำให้หลายคนเสียเวลาเรื่องการอธิบาย ฉะนั้นการฝึกเจรจาให้มีประสิทธิภาพเป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก ซึ่งหากคุณทำข้อนี้ได้ดีการทำงานระยะไกลหรือการทำงานที่บ้านก็จะดีสำหรับคุณอย่างมาก เพราะใช้การสื่อสารเพียงไม่กี่โยคก็ส่งงานกันเรียบร้อย ไม่ต้องเสียเวลาในการคุยเจรจาที่วุ่นวายในแต่ละวันอีกด้วย
- ลำดับความสำคัญของงาน
เมื่อไม่มีคนมาเร่งตามงานในแต่ละวัน ทำให้เราต้องจัดสรรการทำงานเองเพื่อส่งให้ได้ตามกำหนด หรืออีกกรณีคือ โดนสั่งงานซ่อนกันเพราะ เมื่อต้องทำงานทางไกล อาจจะทำให้เกิดการทำงานซ้ำซ้อนมากขึ้น บางทีมีเจ้านายหลายคนอาจจะสั่งงาน โดยที่ไม่รู้ว่าคุณมีงานที่ต้องปั่นอยู่มากขนาดไหน ดังนั้นการลำดับความสำคัญเป็นเรื่องที่คุณต้องจัดการเองให้ได้
งานวิจัยเกี่ยวกับการ Work From Home
work from home แปล
การ Work From Home นั้นก็ได้มีงานวิจัยบางส่วนมารองรับประสิทธิภาพด้วยเช่นกันว่าแท้จริงว่า ข้อถกเถียงกันที่ว่าการทำงานไกลบ้านนั้นดีจริงหรือไม่ อย่างไร โดยเราสามารถมองผลลัพธ์ของการ Work From Home ได้จาดงานวิจัยที่มารองรับ ซึ่งเราก็ขอยกตัวอย่างงานวิจัยบางชิ้นงาน ดังนี้
งานวิจัยการทำงานทางไกลและที่บ้าน โดยมนัสนันท์ ศรีนาคารและพิชิต พิทักษ์ เทพสมบัติ.
เป็นลักษณะงานวิจัยของคนไทยเองที่ศึกษาระดับของการทำงานแบบทางไกลหรือทำงานที่บ้านโดยเปรียบเทียบว่ามีความแตกต่างกับรูปแบบการทำงานแบบเดิมหรือไม่อย่างไร
กลุ่มผู้ถูกวิจัย เป็นการสุ่มตัวอย่างเพื่อใช้ในการศึกษางานวิจัย ได้แก่ พนักงานของธนาคารแห่งประเทศไทย ข้าราชการจากคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ สำนักงานข้าราชการพลเรือน และสำนักงานเศรษฐกิจการพลัง นอกจากนี้ยังมีนักธุรกิจส่วนตัว สัตวแพทย์ และกลุ่มอาชีพอิสระรวมทั้งสิ้น จำนวน 297 คน โดยเป็นงานวิจับในแบบการเก็บรวบรวมข้อมูลด้วยแบบสอบถามและสถิติเพื่อนำมาวิเคราะห์ข้อมูล
จากกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 79.8 ของกลุ่มตัวอย่างได้ทำงานที่สำนักงานหรือออฟฟิศ ร้อยละ 11.1 ของกลุ่มตัวอย่างได้ทำงานที่สำนักงานหรือออฟฟิศครึ่งหนึ่งและใช้เวลาอีกครึ่งหนึ่งของการทำงานไปทำงานที่บ้าน และร้อยละ 9.1 ของกลุ่มตัวอย่างได้ใช้เวลาส่วนใหญ่ในการทำงานที่บ้านหรือทำงานแบบทางไกล
การทำงานแบบทางไกลหรือการทำงานที่บ้านสร้างประสิทธิภาพการทำงานได้ดีกว่าเดิม
เมื่อเปรียบเทียบความคิดเห็นของกลุ่มตัวอย่าง พบว่า การทำงานแบบทางไกลหรือการทำงานที่บ้านสร้างประสิทธิภาพการทำงานได้ดีกว่าเดิม สรุปได้จากประเด็น ดังนี้
- รู้สึกมีอิสระในการทำงานได้มากขึ้น
- มีสุขภาพจิตที่ดีขึ้น
- รู้สึกมีความสุขมากกว่าเดิม
- มีความขัดแย้งในการทำงานลดลง
- ผู้ทำงานหรือพนักงานมีความมั่นใจในด้านการทำงาน เรื่องการตัดสินใจ
- งานที่ทำมีประสิทธิภาพดีมากกว่าเดิมเมื่อทำงานทางไกลหรือทำงานที่บ้าน
- สื่อสารกับผู้ร่วมงานได้ดีขึ้น และมีความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานและกับหัวหน้างานได้ดีขึ้น
- ได้เงินเดือนเพิ่มมากขึ้น
สามาถติดตามฉบับเต็มงานวิจัยเรื่อง “การทำงานทางไกลและที่บ้าน/Telework and Work at Home” ได้จากเว็บไซด์ https://so02.tci-thaijo.org/index.php/JEM/article/view/29085
นอกจากบทสรุปงานวิจัยบางส่วนนี้แล้ว ยังมีเรื่องของงานวิจัยที่สำรวจด้านทัศนคติและการยอมรับในการทำงานแบบทางไกลหรือการทำงานที่บ้าน จากกรณีศึกษาของ ธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งนอกจากนี้ยังมีงานวิจัยอีกมากมายซึ่งเกี่ยวข้องกับการ Work from Home หลายงานทั้งในประเทศและนอกประเทศ








