วิธีดูรหัสไวไฟ: เผยเคล็ดลับการค้นหารหัสไวไฟในแบบที่คุณไม่เคยรู้มาก่อน!
คุณเคยอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องการใช้ไวไฟอย่างเร่งด่วนแต่จำรหัสไม่ได้หรือไม่? มันเป็นปัญหาที่หลายๆ คนเคยประสบ และในบทความนี้ เราจะพาคุณไปดูวิธีการค้นหาหรือดูรหัสไวไฟที่เชื่อมต่อแล้วอย่างละเอียดและปลอดภัย โดยไม่ต้องไปขอรหัสจากใครอีกต่อไป!
- วิธีดูรหัสไวไฟในคอมพิวเตอร์ Windows
หลายคนอาจไม่รู้ว่า Windows มีฟีเจอร์ที่สามารถดูรหัสไวไฟที่เราเคยเชื่อมต่อแล้วได้ง่ายๆ แค่ไม่กี่คลิก:
- เปิด Control Panel แล้วไปที่ Network and Sharing Center
- คลิกที่ชื่อเครือข่ายไวไฟที่คุณเชื่อมต่ออยู่
- ไปที่ Wireless Properties > Security
- เช็กบ็อกซ์ “Show characters” เพื่อดูรหัสไวไฟที่ถูกซ่อนไว้
- วิธีดูรหัสไวไฟใน MacOS
สำหรับผู้ใช้ Mac ก็ไม่ต้องกังวล มีวิธีที่ง่ายมากเช่นกัน:
- เปิด Keychain Access จาก Applications > Utilities
- ค้นหาชื่อเครือข่ายไวไฟที่คุณต้องการรู้รหัส
- ดับเบิ้ลคลิกที่ชื่อเครือข่ายนั้น แล้วคลิกที่ “Show password”
- ใส่รหัสผ่านของเครื่องเพื่อยืนยัน และรหัสไวไฟจะปรากฏขึ้น!
- ใช้ Command Line ในการดูรหัสไวไฟ
หากคุณเป็นคนชอบใช้ Command Line หรือ Terminal, นี่คือทางเลือกที่รวดเร็วและได้ผล:
- ใน Windows, เปิด Command Prompt แล้วพิมพ์ netsh wlan show profile name=”ชื่อเครือข่าย” key=clear
- บน MacOS, ใช้คำสั่ง security find-generic-password -ga “ชื่อเครือข่าย” | grep “password:”
- วิธีดูรหัสไวไฟบนโทรศัพท์มือถือ
หากคุณใช้ Android หรือ iOS นี่คือวิธีการ:
- สำหรับ Android (เวอร์ชันใหม่ๆ), ไปที่ Settings > Network & internet > Wi-Fi > คลิกที่เครือข่ายที่เชื่อมต่อแล้วเลือก “Share” รหัส QR ที่แสดงจะมีรหัสไวไฟด้วย!
- สำหรับ iOS, อาจจะยุ่งยากหน่อย แต่คุณสามารถใช้การเชื่อมต่อ iCloud Keychain ร่วมกับ Mac เพื่อดูรหัสไวไฟได้!
- ใช้แอปพลิเคชันหรือโปรแกรมช่วย
มีแอปและโปรแกรมมากมายที่สามารถช่วยคุณดูรหัสไวไฟได้ เช่น Wi-Fi Password Viewer สำหรับ Android หรือ WiFi Keychain สำหรับ iOS ซึ่งช่วยให้คุณสามารถเข้าถึงรหัสไวไฟที่บันทึกไว้ได้ง่ายดาย
- ข้อควรระวังในการดูรหัสไวไฟ
การเข้าถึงรหัสไวไฟต้องทำอย่างมีสติและถูกต้องตามกฎหมาย ห้ามแฮ็กหรือเข้าถึงเครือข่ายไวไฟที่คุณไม่ได้รับอนุญาต ไม่เช่นนั้นอาจถูกลงโทษตามกฎหมาย
สรุป
การรู้วิธีดูรหัสไวไฟที่เชื่อมต่อแล้วนั้นไม่เพียงแต่ช่วยแก้ปัญหาในสถานการณ์ที่คุณจำเป็นต้องเชื่อมต่อไวไฟอย่างเร่งด่วนเท่านั้น แต่ยังช่วยให้คุณสามารถบริหารจัดการเครือข่ายของคุณได้ดียิ่งขึ้น หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์และทำให้คุณอยากติดตามอ่านต่อไป!
หากคุณต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเทคนิคและเคล็ดลับทางเทคโนโลยี อย่าลืมติดตามเราเพื่อรับข้อมูลใหม่ๆ ที่น่าสนใจเสมอ!