การใช้ภาษาไม่ครบถ้วน

6 การใช้ภาษาไม่ครบถ้วน สื่อความไม่ชัดเจนอาจสร้างความสับสน?

การใช้ภาษาไม่ครบถ้วนหรือสื่อความไม่ชัดเจนอาจสร้างความสับสน มารยาทในการแก้ไขสถานการณ์แบบนี้คืออะไร?

การใช้ภาษาไม่ครบถ้วนหรือสื่อความไม่ชัดเจนอาจเป็นที่สร้างความเข้าใจผิดพลาดหรือความสับสนในการสื่อสารกันระหว่างบุคคล สาระที่ต้องการสื่อถึงอาจไม่ถูกตีความถูกต้องหรือไม่ครบถ้วน เช่น คำถามที่ไม่ชัดเจนหรือข้อความที่ไม่มีข้อมูลเพียงพอที่จะเข้าใจความคิดหรือเนื้อหาที่ต้องการสื่อสาร

สำหรับการแก้ไขสถานการณ์แบบนี้ เราสามารถใช้หลักการต่อไปนี้เพื่อเพิ่มความชัดเจนและลดความสับสนในการสื่อสาร

  1. การถามคำถามเพิ่มเติม ถามคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับสิ่งที่ไม่ชัดเจนหรือไม่เข้าใจ เพื่อให้ความเข้าใจที่ดีขึ้นและแก้ความสับสนที่อาจเกิดขึ้นได้

  2. การใช้ตัวอย่างและการอธิบาย การใช้ตัวอย่างหรือการอธิบายอย่างละเอียดเพื่อช่วยในการสื่อถึงความคิดหรือเนื้อหาที่ต้องการสื่อสาร หากสามารถใช้คำพูดหรือตัวอย่างที่ชัดเจนได้จะช่วยให้ความเข้าใจมีความเสมอภาคและถูกต้องมากขึ้น

  3. การใช้ภาษาที่ชัดเจน การเลือกใช้คำศัพท์และประโยคที่ชัดเจนและเข้าใจง่ายจะช่วยลดความสับสน หลีกเลี่ยงการใช้ภาษาที่กว้างไปหรือมีความหมายหลากหลายซึ่งอาจทำให้ความเข้าใจลำบาก

  4. การสืบทราบความเข้าใจ ก่อนจบการสื่อสาร ควรสอบถามผู้รับว่าเขาเข้าใจข้อความหรือข้อมูลที่ได้รับแล้วหรือไม่ นี้จะช่วยให้เราสามารถแก้ไขความไม่ชัดเจนในขณะที่ยังอยู่ในกระบวนการสื่อสาร

  5. การใช้สื่อการสื่อสาร การใช้สื่อเสริมเช่นภาพ สไลด์โปรเจคเตอร์ แผนภาพ เป็นต้น สามารถช่วยในการแสดงความคิดหรือเนื้อหาที่ต้องการสื่อสารได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

  6. การรับฟังและยอมรับความเห็น หากมีการข้อโต้แย้งหรือความเห็นที่แตกต่างกัน เราควรรับฟังและพิจารณาเพื่อเข้าใจด้านต่างๆ และพยายามแก้ความไม่เข้าใจร่วมกัน

การใช้หลักการเหล่านี้จะช่วยเพิ่มความชัดเจนในการสื่อสารและลดความสับสนที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้ภาษาไม่ครบถ้วนหรือสื่อความไม่ชัดเจนแบบนั้น

นอกจากหลักการที่ได้กล่าวมาแล้ว เรายังสามารถทำต่อเพื่อเพิ่มความชัดเจนในการสื่อสารได้ดังนี้

  1. การใช้ภาษาตามประเภทของผู้รับ การปรับสไตล์และระดับภาษาให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายของผู้รับสื่อสาร ถ้าเราสามารถใช้ภาษาที่เข้าใจง่ายและเป็นภาษาที่ผู้รับใช้ในชีวิตประจำวันได้ เช่น หลีกเลี่ยงภาษาทางเทคนิคหากผู้รับไม่มีความรู้พื้นฐานในเรื่องนั้น
  2. การใช้สื่อสารอื่นๆ การใช้ช่องทางสื่อสารที่หลากหลาย เช่น การใช้ข้อความเป็นรายละเอียดในเอกสาร หรือการใช้การสื่อสารตามหลักสุจริตเพื่อสร้างความเข้าใจที่เกิดจากการพูดโดยตรง

  3. การทำความเข้าใจบุคคลอื่นๆ การเข้าใจวิธีการคิดของผู้อื่น เช่น การสังเกตพฤติกรรมที่บ่อยครั้งของบุคคลที่เรากำลังสื่อสาร เพื่อปรับสไตล์การสื่อสารให้เข้ากับผู้อื่น

  4. การปรับตัวเอง หากผู้รับสื่อสารไม่เข้าใจหรือมีความสับสน เราควรเป็นผู้รับผิดชอบในการแก้ไขความเข้าใจโดยให้ข้อมูลเพิ่มเติมหรืออธิบายให้ชัดเจนขึ้น

  5. การใช้ภาษามืออีกภาษาหนึ่ง หากมีปัญหาในการสื่อสารภาษาหนึ่ง การใช้ภาษามือหรือภาษาอื่นๆ เพื่อช่วยในการสื่อสารก็เป็นทางเลือกที่ดี

  6. การออกเสียงและการดัดแปลงเสียงพูด การออกเสียงและการใช้ตำแหน่งแขนง่ายๆ อาจช่วยในการเน้นความหมายหรือเนื้อหาที่ต้องการสื่อสาร

  7. การใช้การสื่อสารอิมอชั่น การใช้หลากหลายวิธีการสื่อสารอิมอชั่น เช่น แสดงความรู้สึกทางใบหน้า และภาษาตัวเข้าใจกัน สามารถช่วยในการสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ทั้งหมดนี้สามารถนำมาปรับใช้ตามสถานการณ์และกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการสื่อสาร ความสำเร็จในการสื่อสารเชิงบวกอยู่ที่การเข้าใจและความพยายามในการเพิ่มความชัดเจนในการสื่อสารในทุกๆ สถานการณ์

อ่านบทความทั้งหมด >>> pangpond.com