การใช้อินเตอร์เน็ต

ข้อควรระวัง 15 ใช้อินเทอร์เน็ตอย่างปลอดภัยเหมาะสมกับวัย?

การใช้อินเทอร์เน็ต อย่างปลอดภัย

การใช้อินเทอร์เน็ตอย่างปลอดภัยเป็นเรื่องสำคัญเพื่อปกป้องข้อมูลส่วนตัวของคุณและป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายจากการโจรกรรมออนไลน์ นี่คือบางแนวทางเพื่อช่วยให้คุณใช้อินเทอร์เน็ตอย่างปลอดภัย

  1. ติดตั้งและอัปเดตซอฟต์แวร์และแอนติไวรัส ติดตั้งโปรแกรมตรวจสอบไวรัสและซอฟต์แวร์แอนติไวรัสที่มีความปลอดภัยสูงบนอุปกรณ์ของคุณ และอัปเดตโปรแกรมเป็นประจำเพื่อรับข้อมูลการป้องกันล่าสุดจากผู้พัฒนา

  2. ใช้การเชื่อมต่อแบบปลอดภัย เมื่อเชื่อมต่อกับเครือข่าย Wi-Fi ให้ใช้การเข้ารหัสแบบ WPA2 หรือ WPA3 เพื่อป้องกันการเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาตจากบุคคลที่ไม่ได้รับอนุญาต

  3. ใช้การเข้ารหัสข้อมูล หากคุณส่งหรือรับข้อมูลที่สำคัญผ่านอินเทอร์เน็ต เช่น การทำธุรกรรมทางการเงินออนไลน์ ให้ใช้การเชื่อมต่อที่เข้ารหัส (HTTPS) เพื่อปกป้องข้อมูลของคุณจากการถูกดักจับและโจรกรรม

  4. ใช้รหัสผ่านที่แข็งแรง สร้างรหัสผ่านที่มีความยากต่อการคาดเดา และหลีกเลี่ยงการใช้รหัสผ่านเดิมในหลายๆ บัญชี ควรใช้ความยาวของรหัสผ่านอย่างน้อย 12 ตัวอักษร รวมถึงตัวอักษรพิมพ์ใหญ่และเล็ก ตัวเลข และอักขระพิเศษ

  5. เปิดใช้งานการยืนยันสองขั้นตอน (Two-Factor Authentication) ใช้การยืนยันสองขั้นตอนเพิ่มเติม เช่น การใช้รหัสผ่านและรหัสยืนยันทาง SMS หรือแอปพลิเคชันการสร้างรหัสยืนยัน เพื่อป้องกันการเข้าถึงบัญชีโดยไม่ได้รับอนุญาต

  6. ป้องกันการคลิกเชื่อมโยงไม่น่าเชื่อถือ หลีกเลี่ยงการคลิกเชื่อมโยงที่ไม่น่าเชื่อถือในอีเมลหรือข้อความสั้น อาจเป็นเทคนิคการล่อให้คลิกเพื่อดึงข้อมูลส่วนตัวหรือติดตั้งซอฟต์แวร์ที่เป็นอันตราย

  7. ระมัดระวังในการใช้งานโซเชียลมีเดีย อย่าเผยแพร่ข้อมูลส่วนตัวที่อาจเป็นอันตรายบนโซเชียลมีเดียโดยไม่ได้คิดอย่างระมัดระวัง ควรตรวจสอบความเป็นส่วนตัวของข้อมูลที่คุณโพสต์และตั้งค่าความเป็นส่วนตัวให้เหมาะสม

  8. หลีกเลี่ยงการดาวน์โหลดไฟล์ที่ไม่น่าเชื่อถือ หลีกเลี่ยงการดาวน์โหลดไฟล์จากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ เนื่องจากไฟล์เหล่านั้นอาจมีเชื้อสายพันธุ์มัลแวร์ที่ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของระบบของคุณ

  9. อย่าเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวให้กับคนที่ไม่รู้จัก อย่าเผยแพร่ข้อมูลส่วนตัวที่สำคัญ เช่น หมายเลขบัตรประชาชน หมายเลขบัตรเครดิต หรือรหัสผ่านให้กับบุคคลที่คุณไม่รู้จักหรือไม่เชื่อถือได้

  10. คำนึงถึงความปลอดภัยของอุปกรณ์เครือข่าย ควรตรวจสอบและปรับค่าความปลอดภัยของอุปกรณ์เครือข่าย เช่น รูทเตอร์ ฟายวอลล์ หรือฟรีวอลล์ และใช้การตั้งค่าที่มีความปลอดภัยสูงเพื่อป้องกันการเข้าถึงจากบุคคลที่ไม่ได้รับอนุญาต

  11. สำรองข้อมูลอย่างเป็นประจำ สำรองข้อมูลสำคัญเพื่อป้องกันการสูญเสียข้อมูลจากการโจรกรรมหรือเหตุสุดวิสัย เก็บข้อมูลสำรองในอุปกรณ์ภายนอกหรือบนคลาวด์

  12. อัปเดตระบบปฏิบัติการและแอปพลิเคชัน อัปเดตระบบปฏิบัติการและแอปพลิเคชันในอุปกรณ์ของคุณเป็นประจำ เนื่องจากมีการแก้ไขและปรับปรุงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัย

  13. ระมัดระวังในการใช้งานแพลตฟอร์มออนไลน์ ใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ที่เชื่อถือได้และมีความปลอดภัยสูงเมื่อต้องทำรายการทางอินเทอร์เน็ต เช่น เว็บไซต์ที่มีค่ายชื่อเสียง หรือแพลตฟอร์มการซื้อขายออนไลน์ที่มีการรับรองความปลอดภัย

  14. ศึกษาและเข้าใจเกี่ยวกับเทคนิคการโจมตีออนไลน์ ศึกษาและเข้าใจเกี่ยวกับเทคนิคการโจมตีออนไลน์ เช่น การฟิชชิ่ง (Phishing) การโจมตีด้วยซอฟต์แวร์แอดแวร์ (Malware) หรือการโจมตีด้วยการยิงระเบิดข้อมูล (DDoS) เพื่อทราบวิธีป้องกันและการตรวจจับในกรณีเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้น

การใช้อินเทอร์เน็ตอย่างปลอดภัยเป็นกระบวนการที่ต้องทำควบคู่กับการปฏิบัติตามหลักความปลอดภัยอื่นๆ และการเข้าใจความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น การรักษาความปลอดภัยอินเทอร์เน็ตให้มีมาตรฐานสูงจำเป็นเพื่อปกป้องคุณและข้อมูลส่วนตัวของคุณจากการโจรกรรมที่อาจเกิดขึ้นในโลกดิจิทัลได้อย่างเหมาะสม

การใช้อินเทอร์เน็ต อย่าง ปลอดภัย 15 ข้อ

ดังนั้น นี่คือการใช้อินเทอร์เน็ตอย่างปลอดภัย 15 ข้อ

  1. ใช้โปรแกรมและแอนติไวรัสที่มีความปลอดภัยสูง และอัปเดตโปรแกรมเป็นประจำเพื่อรับข้อมูลการป้องกันล่าสุดจากผู้พัฒนา.

  2. ใช้การเชื่อมต่อแบบปลอดภัย เช่น การเข้ารหัสแบบ WPA2 หรือ WPA3 เมื่อเชื่อมต่อกับเครือข่าย Wi-Fi.

  3. ใช้การเข้ารหัสข้อมูลเมื่อส่งหรือรับข้อมูลที่สำคัญผ่านอินเทอร์เน็ต เช่น การใช้เชื่อมต่อที่เข้ารหัส (HTTPS).

  4. เปิดใช้งานการยืนยันสองขั้นตอน (Two-Factor Authentication) เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการเข้าสู่ระบบ.

  5. ใช้รหัสผ่านที่แข็งแรง ที่มีความยากต่อการคาดเดาและหลีกเลี่ยงการใช้รหัสผ่านเดิมในหลายๆ บัญชี.

  6. ป้องกันการคลิกเชื่อมโยงไม่น่าเชื่อถือ หลีกเลี่ยงการคลิกเชื่อมโยงที่ไม่น่าเชื่อถือในอีเมลหรือข้อความสั้น.

  7. ระมัดระวังในการใช้งานโซเชียลมีเดีย อย่าเผยแพร่ข้อมูลส่วนตัวที่อาจเป็นอันตรายโดยไม่ได้คิดอย่างระมัดระวัง.

  8. หลีกเลี่ยงการดาวน์โหลดไฟล์ที่ไม่น่าเชื่อถือเพื่อป้องกันภาวะเข้าสู่ระบบแอบแฝง.

  9. ไม่เผยแพร่ข้อมูลส่วนตัวที่สำคัญ เช่น หมายเลขบัตรประชาชน หมายเลขบัตรเครดิต หรือรหัสผ่านให้กับบุคคลที่ไม่รู้จักหรือไม่เชื่อถือได้.

  10. ความรับผิดชอบในการใช้งานและการแชร์ข้อมูล ตรวจสอบและตั้งค่าความเป็นส่วนตัวเพื่อความปลอดภัยในการใช้และแชร์ข้อมูล.

  11. การใช้งานแอปพลิเคชันและเว็บไซต์ที่มีความน่าเชื่อถือและมีการรับรองความปลอดภัย.

  12. อัปเดตระบบปฏิบัติการและแอปพลิเคชันในอุปกรณ์ของคุณเป็นประจำ.

  13. รักษาความปลอดภัยของอุปกรณ์เครือข่าย เช่น รูทเตอร์ ฟายวอลล์ หรือฟรีวอลล์ ด้วยการตั้งค่าที่มีความปลอดภัยสูง.

  14. สำรองข้อมูลอย่างสม่ำเสมอ เก็บข้อมูลสำรองในอุปกรณ์ภายนอกหรือบนคลาวด์.

  15. เรียนรู้และเข้าใจเกี่ยวกับเทคนิคการโจมตีออนไลน์ เพื่อทราบวิธีป้องกันและการตรวจจับในกรณีเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้น.

การปฏิบัติตามข้อแนะนำดังกล่าวจะช่วยให้คุณใช้อินเทอร์เน็ตอย่างปลอดภัยและป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายจากการโจรกรรมออนไลน์ได้เป็นอย่างดี อย่าลืมที่จะปรับใช้และประยุกต์ให้เหมาะสมกับสถานการณ์และความต้องการของคุณด้วย.

การใช้อินเทอร์เน็ตอย่างเหมาะสม

การใช้อินเทอร์เน็ตอย่างเหมาะสมคือการใช้และปฏิบัติตามกฎระเบียบและหลักความปลอดภัยที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การใช้อินเทอร์เน็ตเป็นประโยชน์และปลอดภัยที่สุด นี่คือบางแนวทางที่เหมาะสมในการใช้อินเทอร์เน็ต

  1. ระมัดระวังในการเผยแพร่ข้อมูลส่วนตัว อย่าเผยแพร่ข้อมูลส่วนตัวที่มีความละเอียดสูงหรือที่อาจเป็นอันตราย เช่น ข้อมูลบุคคลสำคัญ หมายเลขบัตรประชาชน หมายเลขบัตรเครดิต หรือรหัสผ่านให้แก่บุคคลที่ไม่ได้รับอนุญาต

  2. ใช้รหัสผ่านที่แข็งแรง สร้างรหัสผ่านที่ยากต่อการคาดเดา โดยควรมีความยาวขั้นต่ำ 8-12 ตัวอักษร รวมถึงตัวอักษรใหญ่-เล็ก ตัวเลข และอักขระพิเศษ และหลีกเลี่ยงการใช้รหัสผ่านที่ซ้ำกันในหลายๆ บัญชี

  3. อัปเดตและป้องกันซอฟต์แวร์ อัปเดตระบบปฏิบัติการ และโปรแกรมต่างๆ ในอุปกรณ์ของคุณเป็นประจำ โดยให้ความสำคัญกับการป้องกันซอฟต์แวร์ที่มีช่องโหว่อาจถูกการโจรกรรม

  4. ใช้แอนติไวรัสและซอฟต์แวร์ป้องกัน ติดตั้งและอัปเดตซอฟต์แวร์แอนติไวรัสที่มีความปลอดภัยสูง เพื่อป้องกันการติดเชื้อมัลแวร์และโจรกรรมที่อาจเกิดขึ้นจากไฟล์หรือเว็บไซต์ที่เสี่ยง

  5. เลือกใช้เว็บไซต์และแอปพลิเคชันที่น่าเชื่อถือ ให้ความสำคัญกับการใช้เว็บไซต์และแอปพลิเคชันที่มีชื่อเสียงและได้รับความนิยม เช่น เว็บไซต์ทางการเงินหรือแพลตฟอร์มการซื้อขายที่มีมาตรฐานความปลอดภัยสูง

  6. ใช้การเชื่อมต่อที่ปลอดภัย เมื่อเข้าสู่ระบบหรือทำธุรกรรมออนไลน์ ให้ใช้การเชื่อมต่อที่เป็นประโยชน์ เช่น การใช้เชื่อมต่อเข้ารหัส (HTTPS) หรือใช้เครือข่ายเสมือนส่วนตัว (VPN) เพื่อเพิ่มความปลอดภัยของการสื่อสารของคุณ

  7. ระมัดระวังในการแชร์ข้อมูลบนโซเชียลมีเดีย ควรตรวจสอบและปรับแต่งการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวในโปรไฟล์ส่วนตัวของคุณ เพื่อรักษาความเป็นส่วนตัวและลดความเสี่ยงจากการโจรกรรมข้อมูลส่วนบุคคล

  8. ใช้การยืนยันสองขั้นตอน เปิดใช้งานการยืนยันสองขั้นตอน เช่น การใช้รหัสผ่านและรหัสยืนยันทาง SMS หรือแอปพลิเคชันการสร้างรหัสยืนยัน เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการเข้าสู่ระบบ

  9. ตรวจสอบการให้สิทธิ์แอปพลิเคชัน เมื่อติดตั้งแอปพลิเคชันใหม่ ควรตรวจสอบสิทธิ์ที่แอปพลิเคชันขอเข้าถึง เพื่อป้องกันการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต

  10. อย่าคลิกเชื่อมโยงที่ไม่น่าเชื่อถือ ระมัดระวังในการคลิกเชื่อมโยงในอีเมลหรือข้อความที่ไม่น่าเชื่อถือ อาจเป็นเทคนิคการฟิชชิ่งหรือการโจมตีอื่นๆ เพื่อหลอกล่อข้อมูลส่วนบุคคลหรือติดตั้งซอฟต์แวร์ที่เป็นอันตราย

  11. ใช้ความระมัดระวังในการส่งและรับอีเมล หลีกเลี่ยงการเปิดแฟ้มแนบจากอีเมลที่ไม่รู้จักหรือไม่น่าเชื่อถือ และระวังไม่ให้เปิดเอกสารหรือลิงก์ที่อาจเป็นอันตราย

  12. ประยุกต์การใช้งานคุ้มครองเพิ่มเติม ใช้งานโปรแกรมคุ้มครองความเป็นส่วนตัว และเครื่องมือความปลอดภัยอื่นๆ เช่น แท็กเตอร์การสแกนไวรัส หรือการบล็อกโฆษณาที่ไม่น่าเชื่อถือ

  13. ระวังการใช้งานเครือข่ายสัญญาณสาธารณะ หลีกเลี่ยงการใส่ข้อมูลส่วนตัวที่มีความละเอียดสูง เช่น รหัสผ่านหรือข้อมูลการเงิน ผ่านเครือข่ายสาธารณะที่ไม่ปลอดภัย

  14. เรียนรู้เกี่ยวกับภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้น ศึกษาและเข้าใจเกี่ยวกับเทคนิคการโจมตีออนไลน์ เช่น การฟิชชิ่ง การโจมตีด้วยซอฟต์แวร์แอดแวร์ หรือการโจมตีด้วยการยิงระเบิดข้อมูล เพื่อเป็นการรู้จักและป้องกันในกรณีที่เกิดเหตุการณ์นั้นขึ้น

  15. ตรวจสอบและปรับแต่งการตั้งค่าความเป็นส่วนตัว ตรวจสอบและปรับแต่งการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวในบริการออนไลน์ที่คุณใช้ เพื่อความปลอดภัยและความเชื่อถือได้สูงสุด

การใช้อินเทอร์เน็ตอย่างเหมาะสมคือการรักษาความปลอดภัยของตนเองและข้อมูลส่วนบุคคล และการปฏิบัติตามหลักการปลอดภัยที่แนะนำเพื่อลดความเสี่ยงจากการโจรกรรมและการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล แนะนำให้ปฏิบัติตามและปรับใช้แนวทางดังกล่าวเพื่อให้การใช้อินเทอร์เน็ตเป็นประโยชน์และปลอดภัยต่อตนเองและผู้ใช้งานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

 วิธีการป้องกันการเข้าถึงข้อมูลและคอมพิวเตอร์

  • การใช้ username หรือ user ID และ รหัสผ่าน (password) ผู้ใช้ควรเปลี่ยนแปลงด้วยตนเองในภายหลัง และควรหลีกเลี่ยงการกำหนดรหัสที่เป็นวันเกิด หรือรหัสอื่นๆ ที่ แฮกเกอร์สามารถเดาได้
  • การใช้วัตถุใด ๆ เพื่อการเข้าสู่ระบบ ได้แก่ บัตร หรือกุญแจ ซึ่งรหัสผ่านไม่ควรใช้ปีเกิด หรือจดลงในบัตร
  • การใช้อุปกรณ์ทางชีวภาพ (biometric device) เป็นการใช้อุปกรณ์ที่ตรวจสอบลักษณะส่วนบุคคลเพื่อการอนุญาตใช้โปรแกรม ระบบ หรือการเข้าใช้ห้องคอมพิวเตอร์
  • ระบบเรียกกลับ (callback system) เป็นระบบที่ผู้ใช้ระบุชื่อและรหัสผ่านเพื่อขอเข้าใช้ระบบปลายทาง หากข้อมูลถูกต้อง คอมพิวเตอร์ก็จะเรียกกลับให้เข้าใช้งานเอง อย่างไรก็ตามการใช้งานลักษณะนี้จะมีประสิทธิภาพมากขึ้นถ้าผู้ขอใช้ระบบใช้เครื่องคอมพิวเตอร์จากตำแหน่งเดิม คือ จากบ้าน หรือที่ทำงาน (หมายเลขโทรศัพท์เดิม)ในขณะที่การใช้คอมพิวเตอร์แบบพกพาอาจต้องเปลี่ยนหมายเลขโทรศัพท์ ทำให้เกิดความเสี่ยงมากกว่า

จาก พรบ. ดังกล่าว สามารถสรุปได้ย่อๆ ดังนี้คือ แบ่งเป็น 10 ข้อห้าม และ 10 ข้อที่ควรกระทำ

10 ข้อห้าม
  1. ห้ามเจาะ ข้อมูลคนอื่นที่ตั้ง Password เอาไว้
  2. ห้ามเอา Password หรือระบบรักษาความปลอดภัยมั่นคงผู้อื่นไปเปิดเผย
  3. ห้ามล้วงข้อมูลคนอื่นโดยยังไม่ได้รับอนุญาต
  4. ห้ามดัก e-mail ส่วนตัวคนอื่นขณะทำการส่ง e-mail
  5. ห้ามแก้ไข ทำลายข้อมูลคนอื่นโดยไม่ได้รับความยินยอม
  6. ห้ามก่อกวน ระบบคนอื่นจนระบบล่ม
  7. ห้ามส่ง ฟอร์เวิร์ดเมลล์รบกวนคนอื่น จนก่อให้เกิดความเดือดร้อน
  8. ห้ามรบกวน ระบบโครงสร้างทางด้านสาธารณูปโภคและความมั่นคงของประเทศ
  9. ห้ามเผย โปรแกรมที่ใช้ในการทำผิด
  10. ห้ามส่งต่อ ภาพลามกและเนื้อหาที่ทำลายความมั่นคงของประเทศ
10 ควรกระทำ
  1. ทำเปลี่ยน…Password ทุกๆ 3 เดือน
  2. ไม่แชร์…Password กับผู้อื่น
  3. ใช้ Password เสร็จต้องออกจากโปรแกรมทันที
  4. ตั้งระบบป้องกันการเจาะข้อมูล
  5. ควรเก็บรักษาข้อมูลของตนอย่างดีและต้องไม่ให้ข้อมูลส่วนตัวกับผู้อื่น
  6. ควรอ่านเงื่อนไขให้ละเอียดก่อนดาวน์โหลดโปรแกรม
  7. ควรแจ้งพนักงานเจ้าหน้าที่เมื่อพบเจอการกระทำความผิด
  8. ควรบอกต่อคนใกล้ชิด เช่น เพื่อน คนในครอบครัว ให้ใช้อินเทอร์เน็ตอย่างระมัดระวัง
  9. ควรไม่ใช้ โปรแกรมที่ผิดกฎหมาย
  10. ควรไม่หลงเชื่อโฆษณาหรือเนื้อหาในเว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสม จนอาจถูกหลอกได้

ที่มาbaanjomyut.com/library_2/extension-1/information_technology_law_in_thailand/05.html

อ่านบทความทั้งหมด >>> pangpond.com