ปก จัดการความเสี่ยง

5 การออกแบบ และดำเนินกิจกรรมเพื่อจัดการความเสี่ยงอย่างฮา?

การออกแบบและดำเนินกิจกรรมเพื่อจัดการความเสี่ยง

การออกแบบและดำเนินกิจกรรมเพื่อจัดการความเสี่ยงเป็นกระบวนการที่มุ่งเน้นในการระบุและประเมินความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในองค์กรหรือกิจการต่าง ๆ และดำเนินการให้มีมาตรการเพื่อลดความเสี่ยงหรือควบคุมความเสี่ยงให้มากที่สุด เพื่อให้องค์กรหรือกิจการสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยต่อความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้เป็นอย่างดี

จัดการความเสี่ยง 02

ดังนั้น การออกแบบและดำเนินกิจกรรมเพื่อจัดการความเสี่ยงจะประกอบด้วยขั้นตอนต่าง ๆ ดังนี้

  1. การระบุความเสี่ยง การระบุความเสี่ยงเป็นกระบวนการที่ใช้เครื่องมือและวิธีต่าง ๆ เพื่อระบุและจัดหมวดหมู่ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในองค์กร รวมถึงการประเมินผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นหากความเสี่ยงนั้นเกิดขึ้น

  2. การประเมินความเสี่ยง หลังจากที่ได้ระบุความเสี่ยงแล้ว ขั้นตอนถัดไปคือการประเมินระดับความรุนแรงของความเสี่ยง และการประเมินความน่าจะเป็นที่ความเสี่ยงจะเกิดขึ้น โดยใช้เครื่องมือทางสถิติ วิเคราะห์ข้อมูล หรือการประเมินคุณค่าทางการศึกษา

  3. การวางแผนจัดการความเสี่ยง หลังจากที่ได้ประเมินความเสี่ยงแล้ว ขั้นตอนถัดไปคือการวางแผนและกำหนดมาตรการเพื่อจัดการความเสี่ยงให้มีประสิทธิภาพ ซึ่งอาจรวมถึงการพิจารณาและเลือกตัวเลือกที่เหมาะสมในการจัดการความเสี่ยง เช่น การลดความเสี่ยง การโอนความเสี่ยง หรือการรับรู้และยอมรับความเสี่ยง

  4. การดำเนินการ ในขั้นตอนนี้ จะมีการดำเนินการตามแผนและมาตรการที่กำหนดไว้ในขั้นตอนก่อนหน้าเพื่อลดหรือควบคุมความเสี่ยง ตัวอย่างเช่น การจัดทีมความเสี่ยง เพื่อดูแลและดำเนินการตามแผนที่กำหนด เป็นต้น

  5. การติดตามและประเมินผล หลังจากดำเนินการจัดการความเสี่ยงแล้ว ควรมีการติดตามและประเมินผลเพื่อตรวจสอบว่ามาตรการที่ดำเนินการเป็นไปตามที่วางแผนไว้และสามารถลดหรือควบคุมความเสี่ยงได้เป็นอย่างไร และต้องปรับปรุงหรือปรับแก้มาตรการใด ๆ ในอนาคต

5 การออกแบบจัดการความเสี่ยง

กระบวนการจัดการความเสี่ยง 4 ขั้นตอน

กระบวนการจัดการความเสี่ยงมักประกอบด้วยขั้นตอนหลัก 4 ขั้นตอนดังนี้

  1. การระบุความเสี่ยง ขั้นตอนแรกในการจัดการความเสี่ยงคือการระบุและรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในองค์กรหรือกิจการ ซึ่งอาจเป็นผลมาจากการวิเคราะห์สถานการณ์ปัจจุบันและปัจจัยที่อาจส่งผลให้เกิดความเสี่ยง

  2. การประเมินความเสี่ยง หลังจากที่ระบุและรวบรวมข้อมูลเสี่ยงแล้ว ขั้นตอนถัดไปคือการประเมินความรุนแรงของความเสี่ยงและความน่าจะเป็นที่ความเสี่ยงจะเกิดขึ้น โดยใช้เครื่องมือทางสถิติหรือวิธีการอื่น ๆ เพื่อประเมินระดับความรุนแรงและความน่าจะเป็น

  3. การวางแผนและดำเนินการ หลังจากที่ประเมินความเสี่ยงแล้ว ต่อไปคือการวางแผนและกำหนดมาตรการเพื่อจัดการความเสี่ยงที่ระบุไว้ ในขั้นนี้จะต้องกำหนดแผนการจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสม เช่น การลดความเสี่ยง การโอนความเสี่ยง หรือการรับรู้และยอมรับความเสี่ยง เพื่อให้มีมาตรการที่เหมาะสมและประสิทธิภาพในการจัดการความเสี่ยง

  4. การติดตามและประเมินผล ขั้นตอนสุดท้ายคือการติดตามและประเมินผลของมาตรการที่ดำเนินการเพื่อจัดการความเสี่ยง ในขั้นตอนนี้จะต้องมีการตรวจสอบว่ามาตรการที่ใช้มีประสิทธิภาพในการลดหรือควบคุมความเสี่ยงได้หรือไม่ และหากต้องการ จะต้องปรับปรุงหรือปรับแก้มาตรการในอนาคตเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการความเสี่ยง

ตัวอย่างการจัดการความเสี่ยง

ตัวอย่างการจัดการความเสี่ยงอาจมีหลายรูปแบบ ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างการจัดการความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในองค์กร

  1. การลดความเสี่ยง หากมีความเสี่ยงที่มีระดับความรุนแรงสูง องค์กรสามารถพยายามลดความเสี่ยงนั้นลงโดยใช้มาตรการที่เหมาะสม เช่น การปรับปรุงกระบวนการทำงาน การเพิ่มความปลอดภัยในสถานที่ทำงาน หรือการใช้เทคโนโลยีที่ปลอดภัยมากขึ้น

  2. การโอนความเสี่ยง หากความเสี่ยงมีระดับความเสี่ยงสูงและองค์กรไม่สามารถรับมือได้ องค์กรอาจพิจารณาโอนความเสี่ยงให้กับบุคคลหรือหน่วยงานอื่นที่มีความชำนาญในการจัดการความเสี่ยงนั้น ๆ เพื่อลดความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับตนเอง

  3. การรับรู้และยอมรับความเสี่ยง การรับรู้และยอมรับว่าความเสี่ยงอาจเกิดขึ้นและมีการวางแผนและฝึกฝนทีมหรือบุคลากรในการจัดการความเสี่ยง เพื่อให้มีความพร้อมในการตอบสนองและจัดการกับความเสี่ยงที่เกิดขึ้น

  4. การติดตามและประเมินผล หลังจากดำเนินการจัดการความเสี่ยงแล้ว ควรมีการติดตามและประเมินผลเพื่อตรวจสอบว่ามาตรการที่ดำเนินการเป็นไปตามที่วางแผนไว้และสามารถลดหรือควบคุมความเสี่ยงได้เป็นอย่างไร และจำเป็นต้องปรับปรุงหรือปรับแก้มาตรการใด ๆ ในอนาคต

4 ตัวย่าง การจัดการความเสี่ยง

การจัดการความเสี่ยงมีกี่ประเภท อะไรบ้าง

การจัดการความเสี่ยงมักแบ่งออกเป็นประเภทต่าง ๆ อย่างไรก็ดีการแบ่งประเภทอาจมีความหลากหลายตามแหล่งข้อมูลที่เรียนรู้ ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างของประเภทการจัดการความเสี่ยงที่พบบ่อย

  1. การป้องกันความเสี่ยง (Risk Avoidance) ประเภทนี้เน้นการเลี่ยงหรือป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น โดยการไม่ทำกิจกรรมหรือเข้าสู่สถานการณ์ที่มีความเสี่ยงสูง หรือการเลือกออกจากกิจกรรมที่อาจเสี่ยงต่อความเสี่ยง

  2. การลดความเสี่ยง (Risk Reduction) ในประเภทนี้เราจะนำเสนอมาตรการที่ช่วยลดความเสี่ยงให้มีระดับต่ำลง ซึ่งอาจเป็นการเพิ่มความปลอดภัยในกระบวนการทำงาน การเปลี่ยนแปลงกระบวนการ เทคโนโลยี หรือการใช้เครื่องมือที่เหมาะสม

  3. การโอนความเสี่ยง (Risk Transfer) ประเภทนี้เกี่ยวข้องกับการโอนความเสี่ยงจากองค์กรหรือบุคคลนึงไปยังองค์กรหรือบุคคลอื่น โดยอาจเป็นการซื้อประกันหรือการทำสัญญาให้สิทธิ์แก่ผู้อื่นในการจัดการความเสี่ยง

  4. การยอมรับความเสี่ยง (Risk Acceptance) ประเภทนี้เกี่ยวข้องกับการยอมรับความเสี่ยงและการจัดการกับความเสี่ยงที่เกิดขึ้น องค์กรหรือบุคคลอาจตัดสินใจยอมรับความเสี่ยงและเตรียมตัวในกรณีที่ความเสี่ยงเกิดขึ้น

  5. การควบคุมความเสี่ยง (Risk Control) ประเภทนี้เน้นการใช้มาตรการที่เหมาะสมเพื่อควบคุมความเสี่ยงให้เกิดขึ้นในระดับที่ยอมรับได้ ซึ่งอาจเป็นการใช้นโยบาย กระบวนการ เทคโนโลยี หรือการกำหนดมาตรฐานที่เกี่ยวข้อง

  6. การบริหารความเสี่ยง (Risk Management) ประเภทนี้เป็นการนำเสนอกระบวนการที่รวมเอาประเภทต่าง ๆ ของการจัดการความเสี่ยงทั้งหมดมารวมกัน เพื่อให้มีการบริหารจัดการความเสี่ยงอย่างรอบด้านและครอบคลุมทุกด้านขององค์กร

อย่างไรก็ดี ประเภทการจัดการความเสี่ยงอาจแตกต่างไปตามองค์กรและสถานการณ์เฉพาะ และองค์กรอาจใช้ผสานหรือปรับปรุงประเภทการจัดการความเสี่ยงตามความเหมาะสมของตนเอง

จัดการความเสี่ยง 01

ตัวอย่างความเสี่ยงในองค์กร

ตัวอย่างความเสี่ยงที่องค์กรอาจเผชิญบ่อยครั้งได้แก่

  1. ความเสี่ยงด้านเทคโนโลยี เช่น ความเสี่ยงจากการฮากเกอร์หรือการโจมตีทางไซเบอร์ เกี่ยวกับระบบคอมพิวเตอร์ ซอฟต์แวร์ หรือฐานข้อมูลที่อาจเป็นอันตรายและส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานขององค์กร

  2. ความเสี่ยงด้านการเงิน เช่น ความเสี่ยงจากการสูญเสียเงิน การขาดทุน หรือการทุจริตทางการเงินที่อาจเกิดขึ้นจากการบริหารจัดการทางการเงินที่ไม่เหมาะสมหรือการทำธุรกรรมที่เสี่ยงต่อการสูญเสียเงินที่สูง

  3. ความเสี่ยงด้านกฎหมายและการปฏิบัติตามกฎระเบียบ เช่น ความเสี่ยงจากการละเมิดกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับองค์กร การไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบหรือมาตรฐานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งอาจเป็นเหตุให้เกิดค่าใช้จ่ายและความเสียหายทางกฎหมาย

  4. ความเสี่ยงด้านความสามารถในการจัดการ เช่น ความเสี่ยงจากการบริหารจัดการที่ไม่เหมาะสม การบริหารความสามารถของบุคลากรที่ไม่เพียงพอ หรือการจัดการโครงการที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพและความสำเร็จขององค์กร

  5. ความเสี่ยงด้านสุขภาพและความปลอดภัย เช่น ความเสี่ยงจากอุบัติเหตุในสถานที่ทำงาน การรบกวนสภาพแวดล้อม การบริโภคอาหารหรือยาที่ไม่เพียงพอ หรือความเสี่ยงในการทำงานที่เกี่ยวข้องกับอุบัติการณ์ฉุกเฉิน

  6. ความเสี่ยงด้านภูมิคุ้มกันและความคุ้มครองข้อมูล เช่น ความเสี่ยงจากการรั่วไหลข้อมูลลูกค้าหรือข้อมูลสำคัญที่อาจทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์และความไว้วางใจขององค์กร

6 ความเสี่ยงในองค์กร

การจัดการความเสี่ยงในองค์กรมักจะเน้นการระบุและประเมินความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น การวางแผนและดำเนินการเพื่อลดหรือควบคุมความเสี่ยง และการติดตามและประเมินผลเพื่อปรับปรุงกระบวนการต่อไปในองค์กร

ยก ตัวอย่าง ความเสี่ยงในการ ทำงาน

ตัวอย่างความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในการทำงานได้แก่

  1. อุบัติเหตุและการบาดเจ็บ เช่น การหกล้มหรือตกของวัตถุที่ทำให้เกิดบาดเจ็บ การใช้เครื่องมือและเครื่องจักรที่อาจเป็นอันตราย หรือการเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินในสถานที่ทำงาน

  2. สุขภาพและความปลอดภัย เช่น ความเสี่ยงจากสภาวะการทำงานที่ไม่เพียงพอทางกาย การสัมผัสสารเคมีอันตราย หรือการเป็นโรคจากสถานที่ทำงานที่ไม่สะอาดหรือไม่ปลอดภัย

  3. ความเสี่ยงจากเครื่องจักรและเทคโนโลยี เช่น การเกิดความเสียหายจากการใช้งานไม่ถูกต้องของเครื่องจักร การรั่วไหลหรือระเบิดของเครื่องจักร หรือความเสี่ยงจากการใช้เทคโนโลยีใหม่ที่ยังไม่เคยใช้มาก่อน

  4. ความเสี่ยงด้านการดำเนินงานและการจัดการ เช่น ความเสี่ยงจากการทำงานที่ไม่ถูกต้อง ขาดความรอบคอบในการตรวจสอบหรือการบันทึกข้อมูล หรือความเสี่ยงจากความผิดพลาดในการตัดสินใจที่ส่งผลต่อธุรกิจ

  5. ความเสี่ยงด้านความเหมาะสมทางกฎหมายและความปลอดภัย เช่น ความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการละเมิดกฎหมายการจ้างงาน การใช้ข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่เหมาะสม หรือการไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยที่กำหนดไว้

  6. ความเสี่ยงด้านสังคมและอารมณ์ เช่น ความเสี่ยงจากความขัดแย้งระหว่างเพื่อนร่วมงาน การสร้างความเครียดและกังวล หรือความไม่พึงพอใจในการทำงานที่อาจส่งผลต่อสภาพจิตใจและความผูกพันในที่ทำงาน

เหตุการณ์เหล่านี้เป็นเพียงตัวอย่างเล็กน้อยของความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในการทำงาน และการจัดการความเสี่ยงที่ดีควรให้ความสำคัญในการรักษาสภาพทางกายและจิตใจของบุคลากร สร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย และพัฒนามาตรการที่เหมาะสมเพื่อลดความเสี่ยงที่เกิดขึ้นได้

อ่านบทความทั้งหมด >>> pangpond.com