บริษัทจํากัด
บริษัทจำกัด คือ (Company limited or corporatino) กิจการที่จัดตั้งขึ้นโดยมีผู้ถือหุ้นตั้งแต่ 3 คนขึ้นไปเป็นผู้เริ่มก่อการจัดตั้งบริษัทเพื่อกระทำกิจกรรมทางธุรกิจร่วมกัน ทั้งนี้ผู้ก่อการทั้ง 3 คนต้องลงชื่อซื้อหุ้นอย่างน้อยคนละ 1 หุ้น เป็นกิจการขนาดเล็ก หรือขนาดใหญ่ ที่เข้าชื่อทำหนังสือบริคณห์สนธิ และต้องจดทะเบียนเป็นนนิติบุคคล
จดทะเบียนบริษัท 1 คน
บริษัทจำกัด เป็นกิจการตั้งขึ้นในรูปแบบนิติบุคคลด้วยการแบ่งทุนเป็นหุ้นมีมูลค่าหุ้นเท่า ๆ กัน โดยผู้ถือหุ้นต่างรับผิดจำกัดเพียงไม่เกินจำนวนเงินที่ตนยังส่งใช้ไม่ครบมูลค่าของหุ้นที่ตนถือ ทุนของธุรกิจแบ่งออกเปนจำนวนหุ้น มูลค่าหุ้นละเท่าๆ กัน โดยมีมูลค่าหุ้นจดทะเบียนไม่ต่ำกว่าหุ้นละ 5 บาท โดยแบ่งหุ้นออกเป็น 2 ประเภท คือ 1) หุ้นสามัญ (Common stock) และ 2) หุ้นบุริมสิทธิ (Preferred stock) ผู้ที่ลงทุนซื้อหุ้นในบริษัทจำกัดเรียกว่า
- ผู้ถือหุ้น (share-holder) มีสถานะเป็นเจ้าของกิจการ
- และจะไดรับผลตอบแทนในรูปแบบที่เรียกว่า เงินปันผล (Dividend)
ผู้ถือหุ้นทุนคนไม่มีสิทธิเข้ามาจัดการงานบริษัทเว้นแต่ได้รับตั้งแต่จากที่ประชุมให้เป็นกรรมการ เนื่องจากหน้าที่บริหารงานบริษัทกระทำการโดยคณะกรรมการชุดหนึ่งที่แต่งตั้งจากผู้ที่หุ้นในที่ประชุมใหญ่เท่านั้น และในการเปลี่ยนหุ้นนั้น กระทำการได้โดยการจำหน่ายหรือโอนหุ้นให้ผู้ลงทุนรายอื่นต่อไปโดยไม่ต้องเลิกบริษัท
การจัดตั้งบริษัท
ปัจจุบันนี้จะเห็นได้ว่า การประกอบกิจการในรูปแบบจดทะเบียนนิติบุคคลที่เป็นรูปแบบบริษัทจำกัดนี้เป็นที่นิยมมาก เพราะการประกอบธุรกิจส่วนใหญ่มักต้องใช้เงินทุนจำนวนมากการระดมเงินทุนกิจการในรูปแบบนี้จัดทำได้ง่ายและได้จำนวนมาก นอกจากเงินทุนที่ได้จะได้จากเจ้าของกิจการผู้เริ่มก่อตั้งแล้ว
บริษัท คือ
ยังมีการระดมเงินทุนจากบุคคลทั่วไปด้วยบริหารงานที่มีประสิทธิภาพโดยผู้บริหารที่มีความสามารถร่วมกันดำเนินกิจการ ส่งผลให้เป็นกิจการที่มีความมั่นคงและน่าเชื่อถือมากประเภทหนึ่ง การจัดตั้งบริษัทแบ่งเป็น 2 ขั้นตอน ใหญ่ ๆ ดังนี้
- ขั้นตอนการจัดตั้งบริษัท
- ขั้นตอนการจดทะเบียนบริษัท
1. ขั้นตอนการจดทะเบียนบริษัท
- เมื่อได้จดทะเบียนหนังสือบริคณห์สนธิไว้แล้ว
- ผู้เริ่มก่อการจัดให้มีการจองซื้อหุ้นทั้งหมด
- ผู้เริ่มก่อการออกหนังสือนัดประชุมจัดตั้งบริษัท (นัดไม่น้อยกว่า 7 วัน)
- ประชุมตั้งบริษัท
- คณะกรรมการเรียกให้ชำระค่าหุ้น ตามที่ที่ประชุมจัดตั้งบริษัทกำหนด ซึ่งต้องไม่น้อยกว่า 25% ของมูลค่าหุ้น
- จัดทำคำขอจดทะเบียน/ ยื่นจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท
- นายทะเบียนรับจดทะเบียน
2. ขั้นตอนการจัดตั้งบริษัท
- ผู้เริ่มก่อการ/ผู้ถือหุ้น/กรรมการ คนใดคนหนึ่งจองชื่อนิติบุคคล
- ผู้เริ่มก่อการตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป จัดทำหนังสือบริคณห์สนธิ
- ผู้เริ่มก่อการจัดให้มีการจองซื้อหุ้นทั้งหมด
- ประชุมจัดตั้งบริษัท
- ผู้ถือหุ้นชำระค่าหุ้น ตามที่ที่ประชุมจัดตั้งบริษัทกำหนดซึ่งต้องไม่น้อยกว่า 25% ของมูลค่าหุ้น
- จัดทำคำขอจดทะเบียนและเอกสารประกอบ/ ยื่นคำขอจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท
- นายทะเบียนรับจดทะเบียน
วิธีการจดทะเบียนบริษัท
- ผู้เริ่มก่อการตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป ร่วมกันจัดทำหนังสือบริคณห์สนธิ
- จัดให้มีผู้เข้าชื่อซื้อหุ้นครบตามจำนวนหุ้นทั้งหมดที่บริษัทจะจดทะเบียน
- ประชุมจัดตั้งบริษัท (โดยไม่ต้องออกหนังสือนัดประชุมตั้งบริษัท) เพื่อพิจารณากิจการต่าง ๆ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1108 โดยมีผู้เริ่มก่อการและผู้เข่าชื่อซื้อหุ้นทุกคนเข้าร่วมประชุม (มอบฉันทะให้ผู้อื่นเข้าประชุมแทนได้) และผู้เริ่มก่อการ และผู้เข่าชื่อซื้อหุ้นทุกคน ให้ความเห็นชอบในกิจกำร ที่ได้ประชุมกันนั้น
- ผู้เริ่มก่อการได้มอบกิจการทั้งปวงให้แก่กรรมการบริษัท
- กรรมการได้เรียกให้ผู้เข้าชื่อซื้อหุ้น ใช้เงินค่ำหุ้น โดยจะเรียกครั้งเดียวเต็มมูลค่ำหุ้นหรือไม่น้อยกว่า ร้อยละยี่สิบห้ำของมูลค่ำหุ้น ตามมาตรา 1110 วรรคสองก็ได้ และผู้เข่าชื่อซื้อหุ้นทุกคนได้ ชำระเงินค่ำหุ้น เสร็จเรียบร้อยแล้ว
เมื่อดำเนินการจดทะเบียนบริษัทแล้วได้หนังสือบริคณห์สนธิแล้ว
- ผู้เริ่มก่อการจัดให้มีการจองซื้อหุ้นทั้งหมด
- เมื่อมีการจองซื้อหุ้นหมดแล้ว ก็ให้ผู้เริ่มก่อการออกหนังสือนัดประชุมผู้เข้าชื่อซื้อหุ้นเพื่อประชุม จัดตั้งบริษัท การออกหนังสือนัดประชุมจะต้องห่างจากวันประชุมไม่น้อยกว่า 7 วัน (หรือก่อนวันประชุม อย่างน้อย 7 วัน)
- จัดประชุมผู้เข้าชื่อซื้อหุ้นเพื่อจัดตั้งบริษัท ดังนี้
- 1 องค์ประชุมจะต้องมีผู้เข้าชื่อซื้อหุ้นเข้าร่วมประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนผู้เข้าชื่อซื้อหุ้น ทั้งหมดและนับจำนวนหุ้นรวมกันไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของหุ้นทั้งหมด (จะมอบฉันทะให้ผู้อื่นเข้าประชุมแทนก็ได้)
- 2 วาระการประชุม
- รับรองบัญชีรายชื่อฐานะและสำนักของผู้เข้าชื่อซื้อหุ้น พร้อมทั้งจำนวนหุ้นซึ่งต่างคน ได้ลงชื่อซื้อไว้
- พิจารณาตั้งข้อบังคับของบริษัท
- พิจารณ าให้สัตยาบันแก่บรรดาสัญญาซึ่งผู้เริ่มก่อการได้ท าไว้ และค่าใช้จ่าย ที่ผู้เริ่มก่อการต้องจ่ายในการเริ่มก่อตั้งบริษัท
- พิจารณาเรื่องหุ้น
- พิจารณาเลือกตั้งกรรมการชุดแรกและกำหนดอำนาจกรรมการ
- พิจารณาเลือกตั้งผู้สอบบัญชีรับอนุญาตพร้อมทั้งกำหนดค่าสินจ้าง(การตั้งผู้สอบบัญชี รับอนุญาตเพื่อตรวจสอบและรับรองงบการเงินต้องแต่งตั้งบุคคลธรรมดาเท่านั้น จะแต่งตั้งสำนักงาน ตรวจสอบบัญชีไม่ได้)
- ผู้เริ่มก่อการมอบหมายกิจการงานทั้งหมดให้แก่คณะกรรมการที่ได้รับการแต่งตั้งจากที่ประชุม
- คณะกรรมการเรียกเก็บค่าหุ้นจากผู้เข้าชื่อซื้อหุ้น อย่างน้อยร้อยละ 25 ของมูลค่าหุ้น
- เมื่อเก็บค่าหุ้นได้ครบแล้ว ให้กรรมการผู้มีอำนาจจัดทำคำขอจดทะเบียนตั้งบริษัทแล้วยื่นจดทะเบียน ต่อนายทะเบียน
- การยื่นจดทะเบียนจะต้องให้กรรมการผู้มีอำนาจเป็นผู้ลงลายมือชื่อในคำขอจดทะเบียนและ ต้องยื่นจดทะเบียนภายใน 3 เดือนนับแต่วันที่ประชุมจัดตั้งบริษัท ถ้าไม่จดทะเบียนภายในกำหนดเวลาดังกล่าว จะทำให้การประชุมตั้งบริษัทเสียไป หากต่อไปต้องการจดทะเบียนตั้งบริษัทก็ต้องดำเนินการจัดประชุม ผู้จองซื้อหุ้นใหม่
ข้อมูลที่ใช้ในการจดทะเบียนบริษัท
- ชื่อของบริษัท (ตำมที่ได้จองชื่อไว้) *ดูหลักเกณฑ์การจองชื่อนิติบุคคล*
- ที่ตั้ง สำนักงำนแห่งใหญ่ / สำขำ (ตั้งอยู่ ณ จังหวัดใด) พร้อมเลขรหัสประจำบ้านของที่ตั้ง สำนักงาน, E-mail, หมายเลขโทรศัพท์ของบริษัทหรือกรรมกำร และหรือชื่อหรือที่อยู่เว็บไซต์ (URL) ที่ใช้ในการประชำสัมพันธ์ หรือประกอบธุรกิจ
- วัตถุที่ประสงค์ของบริษัทที่จะประกอบกิจกำรค้ำ
- ทุนจดทะเบียน จะต้องแบ่งเป็นหุ้นๆ มีมูลค่ำหุ้นเท่าๆ กัน (มูลค่าหุ้นจะต้องไม่ต่ำกว่า 5 บาท)
- ชื่อ ที่อยู่ อายุ หมายเลขโทรศัพท์ เลขที่บัตรประชำชน หรือบัตรอื่น ๆ (กรณีเป็นชำวต่างชำติ) อำชีพ และจำนวนหุ้นที่ผู้เริ่มก่อการจองซื้อไว้
- ชื่อ ที่อยู่ อำยุ หมายเลขโทรศัพท์ เลขที่บัตรประชำชน หรือบัตรอื่น ๆ (กรณีเป็นชำวต่ำงชำติ) ของพยำน 2 คน
- ชำระค่าอำกรแสตมป์หนังสือบริคณห์สนธิ เป็นเงิน 200 บาท
- ข้อบังคับและ ชำระค่ำอำกรแสตมป์เป็นเงิน 100 บาท (ถ้ามี)
- จำนวนทุน (ค่าหุ้น) ที่เรียก ชำระแล้วทุกหุ้น อย่างน้อยร้อยละ 25 ของมูลค่าหุ้น
- ชื่อ ที่อยู่ อายุ สัญชาติ หมายเลขโทรศัพท์ เลขที่บัตรประชาชน หรือบัตรอื่น ๆ (กรณีเป็นชาวต่างชำติ) ของกรรมการ
- รายชื่อหรือจำนวนกรรมการที่มีอำนาจลงชื่อแทนบริษัท (อำนาจกรรมการ)
- ชื่อ เลขทะเบียนผู้สอบบัญชีรับอนุญาตพร้อมค่าตอบแทน
- ชื่อ ที่อยู่ สัญชาติ อาชีพ เลขที่บัตรประชำชน หรือบัตรอื่น ๆ (กรณีเป็นชาวต่ำงชาติ)และจำนวนหุ้น ของผู้ถือหุ้นแต่ละคน
- ดวงตรา สำคัญ (ถ้ามี) บริษัทจะไม่จดทะเบียนดวงตรา สำคัญของบริษัทก็ได้ หากว่าอำนาจกรรมการไม่ได้กำหนดให้ต้อง ประทับดวงตรา สำคัญด้วย
เอกสารหลักที่ต้องใช้ในการจดทะเบียนบริษัท
- คำขอจดทะเบียนบริษัทจํากัด (แบบ บอจ.1)
- แบบคำรับรองกำรจดทะเบียนบริษัทจํากัด
- หนังสือบริคณห์สนธิ (แบบ บอจ.2) ชำระค่าอำกรแสตมป์200 บาท
- รายการจดทะเบียนจัดตั้ง (แบบ บอจ.3)
- แบบวัตถุที่ประสงค์ (แบบ ว.)
- รายละเอียดกรรมการ (แบบ ก.)
- ใบแจ้งผลการจองชื่อนิติบุคคลที่ยังไม่หมดอายุ
- หลักฐานให้ความเห็นชอบในการจัดตั้งบริษัทเพื่อประกอบธุรกิจจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (ใช้เฉพาะในการประกอบธุรกิจที่มีกฎหมายพิเศษควบคุม เช่น ธุรกิจหลักทรัพย์ ธุรกิจข้อมูลเครดิต ธุรกิจจัดหา งาน กิจการซื้อขายสินค้าล่วงหน้า (คอมโมดิตี้) กิจการไปรษณีย์กิจการนายหน้าประกันภัย หรือธุรกิจขายตรง)
- บัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น (แบบ บอจ.5)
- สำเนาบัญชีรายชื่อผู้เข้าชื่อซื้อหุ้นหรือผู้รับมอบฉันทะในการประชุมให้ความเห็นชอบในกิจการ ที่ได้ประชุมจัดตั้งบริษัทพร้อมลายมือชื่อ
- สำเนารายงานการประชุมตั้งบริษัท
- สำเนาข้อบังคับ ชำระค่าอากรแสตมป์200 บาท (ถ้ามี)
- สำเนาหลักฐานการรับชำระค่าหุ้นที่บริษัทออกให้แก่ผู้ถือหุ้น
- กรณีบริษัทจำกัดมีผู้ถือหุ้นเป็นคนต่างด้าวถือหุ้นในบริษัทจํากัดไม่ถึงร้อยละ 50 ของทุนจดทะเบียน หรือกรณีบริษัทจำกัดไม่มีคนต่างด้ำวเป็นผู้ถือหุ้น แต่คนต่ำงด้ำวเป็นกรรมกำรผู้มีอำนาจลงนามหรือร่วมลงนาม ผูกพันบริษัท ให้ส่งเอกสารหลักฐานที่ธนาคารออกให้ เพื่อรับรองหรือแสดงฐานะการเงินของผู้ถือหุ้น ที่มีสัญชาติไทยแต่ละรายประกอบคำขอจดทะเบียน โดยเอกสำรดังกล่าวต้องแสดงจำนวนเงินที่สอดคล้องกับจำนวนเงินที่นำมาลงหุ้นของผู้ถือหุ้นแต่ละรายตาม คำสั่งสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกลาง ที่ 205/2555 ลงวันที่ 22 พฤศจิกายน 2555
- กรณีมีการจดทะเบียนจัดตั้งหรือเพิ่มทุนของห้างหุ้นส่วนและบริษัทจำกัด ซึ่งมีทุนที่ขอจดทะเบียน หรือทำให้ทุนจดทะเบียนเกินกว่า 5 ล้านบาท ให้จัดส่งเอกสารเพิ่มเติมตาม คำสั่งสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกลาง ที่ 66/2558 ลงวันที่ 24 มีนาคม 2558
- แบบ สสช.1
- แผนที่แสดงที่ตั้งสำนักงานแห่งใหญ่และสถานที่สำคัญบริเวณใกล้เคียงโดยสังเขป
- สำเนำบัตรประจำตัวของผู้เริ่มก่อการและกรรมการทุกคน *ดูหลักเกณฑ์เรื่องบัตรประจำตัว*
- กรณีวัตถุประสงค์(แบบ ว.) ระบุว่า “ประกอบกิจกำรจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาล” จะต้อง แสดงหลักฐานและส่งเอกสำรเพิ่มเติมตาม คำสั่งสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกลาง ที่ 38/2558 ลงวันที่ 20 กุมภาพันธ์2558
- สำเนำหลักฐานการเป็นผู้รับรองลายมือชื่อ (ถ้ามี)
- หนังสือมอบอำนาจ (กรณีที่ผู้ขอจดทะเบียนไม่สามารถยื่นขอจดทะเบียนได้ด้วยตนเอง ก็มอบอานาจ ให้บุคคลอื่นดำเนินการแทนโดยทำหนังสือมอบอำนาจและผนึกหรือชำระค่าอากรแสตมป์10 บาท)
-
- ทำหนังสือมอบอำนาจและผนึกหรือชำระค่าอากรแสตมป์10 บาท)
หมายเหตุ : สำเนาเอกสารประกอบคำขอจดทะเบียนทุกฉบับ ต้องให้ผู้ขอจดทะเบียนอย่างน้อยหนึ่งคนรับรอง ความถูกต้อง ยกเว้นสำเนาบัตรประจำตัวหรือหลักฐานกำรเป็นผู้รับรองลายมือชื่อผู้ขอจดทะเบียน ให้ผู้เป็นเจ้าของบัตรหรือผู้ขอจดทะเบียนอย่างน้อยหนึ่งคนเป็นผู้ลงลายมือชื่อรับรองความถูกต้อง
ลักษณะของบริษัทจํากัด มีอะไรบ้าง
ตามบทบัญญัติของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 3 มาตรา 1096 ได้บัญญัติว่า บริษัทจํากัด คือ บริษัทประเภทที่จัดตั้งขึ้นด้วยการแบ่งทุนเป็นหุ้น มีมูลค่าเท่า ๆ กัน ผู้ถือหุ้นต่างรับผิดชอบจำกัดไม่เกินจำนวนเงินที่ตนส่งใช้ให้ครบมูลค่าหุ้นที่ตนถือ ซึ่งแบ่งลักษณะของบริษัทจำกัดได้ ดังนี้
ลักษณะบริษัทจำกัด
1. ลักษณะความเป็นเจ้าของ
เนื่องจากลักษณะของบริษัทมีการแบ่งทุนออกเป็นหุ้น ผู้ซื้อหุ้นของบริษัทเรียกว่า “ผู้ถือหุ้น” จะมีฐานะเป็นเจ้าของหุ้นไม่ใช่เจ้าของกิจการแต่มีสิทธิได้รับประโยชน์ตอบแทนจากบริษัทคือ “เงินปันผล” ผู้เป็นเจ้าของกิจการก็คือนิติบุคคลที่เป็นบริษัทจำกัด
2. ลักษระการก่อตั้ง
มีขั้นตอนในการก่อตั้งตามกฎหมาย ดังนี้
- มีบุคคลอย่างน้อย 7 คน มารวมกันจัดตั้ง บุคคลกลุ่มนี้เรียกว่า “คณะผู้ก่อการ”
- ทำหนังสือบริคณห์สนธิซึ่งมีรายละเอียดต่าง ๆ เกี่ยวกับบริษัทที่จัดตั้งขึ้น ได้แก่ ชื่อบริษัท สถานที่ตั้งวัตถุประสงค์ ชื่อผู้ก่อการ อาชีพผู้ก่อการ ชนิดของหุ้นที่ออกจำหน่าย จำนวนหุ้น มูลค่าหุ้นและนำหนังสือบริคณห์สนธิไปจดทะเบียนที่กรมการค้า กระทรวงพาณิชย์
- คณะผู้ก่อการจะต้องทำหนังสือชี้ชวน เพื่อให้มีผู้สนใจมาซื้อหุ้นของบริษัทและจะต้องดำเนินการให้มีผู้มาจองหุ้นของบริษัทจนครบจำนวนหุ้นที่ขอจดทะเบียน
- เมื่อมีผู้จองหุ้นจนครบทุกหุ้นแล้ว บริษัทเรียกผู้จองหุ้นทุกคนประชุมจัดตั้งบริษัท โดยในที่ประชุมจะต้องเลือกตั้งกรรมการบริหารบริษัทอย่างน้อย 1 คน และกำหนดอำนาจหน้าที่ของกรรมการในการกระทำการแทนบริษัท และดำเนินการเรียกเก็บค่าหุ้นครั้งแรกอย่างน้อย 25% ของมูลค่าหุ้น
- หลังจากเรียกเก็บค่าหุ้นครั้งแรกแล้ว จึงไปขอจดทะเบียนเป็นบริษัทจำกัดเพื่อให้มีสภาพเป็นนิติบุคคลตามกฎหมาย โดยนำสำเนาการประชุม หนังสือบริคณห์สนธิระเบียบข้อบังคับไปขอจดทะเบียน
- ต้องมีผู้สอบบัญชีรับอนุญาตเป็นผู้สอบบัญชีของบริษัทจำกัด
- ต้องมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ภายในราชอาณาจักร
3. จำนวนเงินทุนที่ต้องใช้ในการเปิดบริษัท
ทุนของบริษัทจำกัดจะได้มาเนื่องจากการนำใบหุ้นออกจำหน่าย กฎหมายระบุว่ามูลค่าหุ้นจะต้องมีมูลค่าหุ้นละเท่า ๆ กัน เงินทุนของบริษัท แบ่งได้ดังนี้
- ทุนจดทะเบียน (Authorized Capital) คือ จำนวนทุนทั้งสิ้นที่ได้ระบุไว้ในหนังสือบริคณห์สนธิ
- ทุนชำระแล้ว (Paid – up Capital) คือ จำนวนเงินที่ผู้ถือหุ้นได้ชำระค่าหุ้นให้แก่บริษัทตามที่บริษัทได้เรียกร้องให้ชำระแล้วหุ้นของบริษัทจำกัด แบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ
- หุ้นสามัญ (Common Stock) คือ หุ้นที่มีผู้ลงจองหุ้นด้วยเงิน เมื่อเริ่มตั้งแต่มีการให้จองหุ้น ผู้ถือหุ้นสามัญมีสิทธิออกเสียงในที่ประชุมทุกเรื่อง มีสิทธิได้เงินปันผล และได้รับคืนทุนเมื่อบริษัทเลิกดำเนินกิจการ
- หุ้นบริมสิทธิ (Preferred Stock) คือ หุ้นที่มีสิทธิพิเศษเหนือหุ้นสามัญโดยมีสิทธิได้เงินปันผลและคืนทุนก่อนหุ้นสามัญ แต่ผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิไม่มีสิทธิออกเสียงในที่ประชุม
เปิดบริษัท
4. ลักษณะของบริษัทจำกัด ทั่ว ๆ ไป
- มีผู้ลงทุนอย่างน้อย 3 คน
- แบ่งทุนออกเป็นหุ้นมีมูลค่าหุ้นละเท่า ๆ กัน
- มูลค่าหุ้นไม่ต่ำกว่า 5 บาท ซึ่งชำระเงินค่าหุ้นครั้งแรกไม่น้อยกว่า 25% ของมูลค่าหุ้น
- ความรับผิดชอบของผู้ถือหุ้นมีจำกัด (เฉพาะจำนวนเงินค่าหุ้นที่ยังส่งใช้ไม่ครบ)
- ต้องจดทะเบียนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
หน้าที่และความรับผิดชอบและการบริหารงาน
ในที่ประชุมจัดตั้งบริษัท ที่ประชุมใหญ่จะต้องออกเสียงเลือกตั้งคณะกรรมการของบริษัทซึ่งจะต้องมีจำนวนไม่น้อยกว่า 3 คน โดยที่ประชุมผู้ถือหุ้น เป็นผู้มีสิทธิแต่งตั้งและถอดถอนคณะกรรมการได้ โดยแต่งตั้งกรรมการคนใดคนหนึ่งเป็นกรรมการผู้จัดการความรับผิดชอบของกรรมการ มีดังนี้
- ดำเนินงานเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของบริษัท
- ควบคุมการชำระเงินค่าหุ้นของผู้จองหุ้น
- จัดทำบัญชีและจัดเก็บรักษาบัญชีและเอกสารตามที่กฎหมายกำหนด
- จ่ายเงินปันผลและดอกเบี้ย
- ปฏิบัติตามมติของที่ประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้น
- กรรมการของบริษัทจะทำการค้าแข่งขันกับบริษัทของตนเองไม่ได้
- มีอำนาจหน้าที่อื่น ๆ ตามที่ได้ระบุไว้ในข้อบังคับของบริษัท สำหรับผู้ถือหุ้นมีสิทธิเป็นเจ้าของหุ้นตามที่ตกลงซื้อไว้ แต่ไม่มีสิทธิเป็นเจ้าของสินทรัพย์ของบริษัท
ผลตอบแทนจากการลงทุนในบริษัท
ผลประโยชน์ที่ผู้ถือหุ้นจะได้รับคือส่วนแบ่งจากกำไร เรียกว่า เงินปันผล หรือผลประโยชน์อื่นใดตามที่ระบุไว้ในหนังสือบริคณห์สนธิโดยปกติผลกำไรของบริษัทจะไม่นำมาแบ่งเป็นเงินปันผลทั้งหมด ส่วนหนึ่งจะกันสะสมไว้เพื่อบริษัทนำไปใช้จ่ายตามวัตถุประสงค์ เช่น เพื่อไว้ขยายโรงงาน เพื่อซื้อเครื่องจักรใหม่ เพื่อผลขาดทุนในภายหน้า กำไรส่วนที่กันสะสมไว้นั้นเรียกว่า เงินสำรอง (Reserves)
การควบคุมการบริหารงาน
การบริหารงานของบริษัทจะอยู่ในรูปของคณะกรรมการซึ่งจะมีการบริหารงานที่กระจายงานตามหน้าที่และความรับผิดชอบเป็นระบบและมีขั้นตอนที่ถูกต้อง โดยกฎหมายกำหนดให้จะต้องมีการตรวจสอบบัญชีของบริษัทปีละครั้ง โดยมีผู้สอบบัญชีรับอนุญาตรับรองงบดุล และบัญชีกำไรขาดทุน ยื่นต่อนายทะเบียนบริษัท
การประเมินผลการดำเนินงาน
บริษัทจะทำการประเมินผลการดำเนินงานโดยดูจากงบการเงิน คือ งบกำไรขาดทุน และงบดุลของบริษัท
การขยายกิจการในรูปแบบบริษัท
บริษัทสามารถขยายกิจการได้ด้วยการขอจดทะเบียนเพิ่มทุนหรือกู้ยืมจากธนาคารหรือสถาบันการเงินอื่น
ข้อดีของการจดบริษัทจำกัด
ข้อดีข้อเสียบริษัทจำกัด
ข้อดีบริษัทจำกัด |
ข้อเสียบริษัทจำกัด |
1 สามารถจัดหาเงินทุนได้จำนวนมากตามที่ต้องการ โดยการออกหุ้นจำหน่ายเพิ่ม หรือจัดหาโดยกู้ยืมจากสถาบันการเงิน ซึ่งจะได้รับความเชื่อถือมากกว่ากิจการประเภทอื่น |
1 การจัดตั้งบริษัทมีขั้นตอนตามกฎหมายที่ยุ่งยาก |
2 ผู้ถือหุ้นรับผิดชอบเฉพาะมูลค่าหุ้นส่วนที่ยังชำระค่าหุ้นไม่ครบเท่านั้น โดยไม่ต้องรับผิดชอบต่อหนี้สินใด ๆ ของบริษัท |
2 กิจการบริษัทเนื่องจากต้องเปิดเผยข้อมูลให้ผู้ถือหุ้นและบุคคลภายนอกทราบจึงไม่อาจรักษาความลับได้ |
3 ผู้ถือหุ้นรับผิดชอบเฉพาะมูลค่าหุ้นส่วนที่ยังชำระค่าหุ้นไม่ครบเท่านั้น โดยไม่ต้องรับผิดชอบต่อหนี้สินใด ๆ ของบริษัท |
3 เนื่องจากในการดำเนินการของบริษัทจำกัด มีผู้ถือหุ้น คณะกรรมการ บริษัทและพนักงาน ดังนั้นในการปฏิบัติงานอาจจะมีบางส่วนที่ขาดความตั้งใจในการทำงานเพราะไม่ได้เป็นเจ้าของกิจการเอง |
4 การบริหารงานสามารถหาผู้ที่มีความรู้ ความสามารถ และมีประสบการณ์จัดการแทนได้ เพื่อให้มีประสิทธิภาพในการบริหารงาน |
4 การเสียภาษีของกิจการประเภทบริษัทจะเสียภาษีค่อนข้างสูงและซ้ำซ้อนคือบริษัทจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลแยกต่างหากจากเจ้าของกิจการ ดังนั้น จะต้องเสียภาษีนิติบุคคลเมื่อบริษัทจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้น ในฐานะผู้ถือหุ้นเป็นบุคคลธรรมดาต้องเสียภาษีบุคคลธรรมดาอีกด้วย |
5 ผู้ถือหุ้นของบริษัทสามารถโอนหรือขายหุ้นให้ผู้ใดก็ได้ โดยไม่ต้องขอความเห็นชอบจากบริษัทก่อน |
|
*** เป็นเพียงการยกตัวอย่าง ในการดำเนินธุรกจิการต้องพิจารณามากและศึกษาเพิ่มเติมมากกว่านี้
การเลิกกิจบริษัทจำกัด
กรณีต้องเลิกกิจการ |
เนื่องจากสาเหตุดังต่อไปนี้ |
1 |
ถ้าในการจัดตั้งบริษัทระบุเพื่อทำกิจการอย่างใดอย่างหนึ่งโดยเฉพาะ เมื่อเสร็จสิ้นกิจการนั้นแล้ว บริษัทก็ต้องเลิกกิจการ |
2 |
ถ้าในการจัดตั้งบริษัทกำหนดระยะเวลาของการดำเนินงานไว้ เมื่อครบกำหนดระยะเวลาที่ระบุ บริษัทก็ต้องเลิกกิจการ |
3 |
ถ้าในข้อบังคับของบริษัทระบุเหตุที่บริษัทต้องเลิกไว้ เมื่อเกิดเหตุนั้นบริษัทก็ต้องเลิกกิจการ |
4 |
เมื่อมีมติพิเศษจากผู้ถือหุ้นให้เลิกบริษัท |
5 |
เมื่อบริษัทจดทะเบียนตั้งบริษัทมาแล้ว 1 ปีเต็ม โดยบริษัทไม่ได้เริ่มดำเนินกิจการ หรือหยุดดำเนินการมาเป็นระยะเวลา 1 ปีเต็ม |
6 |
เมื่อผู้ถือหุ้นของบริษัทลดลงจนเหลือไม่ถึง 7 คน |
7 |
เมื่อบริษัทล้มละลาย |
ค่าธรรมเนียมจัดตั้งบริษัท
ค่าธรรมเนียม |
ราคา (บาท) |
จดทะเบียนหนังสือบริคณห์สนธิ |
500 |
จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทจำกัด |
5,000 |
หนังสือรับรอง รายการละ |
40 |
ใบสำคัญแสดงกำรจดทะเบียน ฉบับละ |
100 |
รับรองสำเนำเอกสารคำขอจดทะเบียน หน้าละ |
50 |
บริษัทจํากัดภาษาอังกฤษ
- Co., Ltd. ย่อมาจาก Company Limited หมายถึง บริษัทจํากัด
- Part., Ltd. ย่อมาจาก Partnership Limited หมายถึง ห้างหุ้นส่วนจำกัด
- Pub Co., Ltd. ย่อมาจาก Public Company Limited หมายถึง บริษัท มหาชน จำกัด
- Inc. ย่อมาจาก Incorporated หมายถึง “ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล”, “ห้างหุ้นส่วนจำกัด” และ “บริษัทจํากัด”
บทความแนะนำ หมวดหมู่: เศรษฐกิจ
จำนวนคอมเมนต์ของโพสต์ ID 147937: 486