Supply Chain Management (SCM)
Supply Chain Management (SCM) คือ กระบวนการโดยรวมของการไหลของวัสดุ
สินค้า ตลอดจนข้อมูล และธุรกรรมต่าง ๆ ผ่านองค์การที่เป็นผู้ส่งมอบ ผู้ผลิต ผู้จัดจําหน่าย ไปจนถึง
ลูกค้าหรือผู้บริโภคโดยที่องค์การต่าง ๆ เหล่านี้มีความสัมพันธ์ทางธุรกิจต่อกัน ในการปรับตัวของ
องค์การเพื่อการจัดการห่วงโซ่อุปทานนั้น สิ่งที่สําคัญ คือ เพื่อให้องค์การมี ความสามารถในการ
บริหาร ความเติบโตของธุรกิจ และความยั่งยืนของธุรกิจ
ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการพัฒนาและการนําเอาการบริหารจัดการ โลจิสติกส์และห่วงโซ่อุปทานมาใช้
- การแข่งขันที่รุนแรง
- การกลายเป็นโลกาภิวัตน์
- ความไม่แน่นอน
- การขาดความไว้ใจซึ่งกันและกัน
- การขาดการประสานและความร่วมมือกัน
- ไม่มีการแชร์หรือแบ่งปันข้อมูลซึ่งกันและกัน
ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการพัฒนาและการนําเอาการบริหารจัดการ โลจิสติกส์และห่วงโซ่อุปทานมาใช้
- การแข่งขันที่รุนแรง
- การกลายเป็นโลกาภิวัตน์
- ความไม่แน่นอน
- การขาดความไว้ใจซึ่งกันและกัน
- การขาดการประสานและความร่วมมือกัน
- ไม่มีการแชร์หรือแบ่งปันข้อมูลซึ่งกันและกัน
องค์ประกอบของการบริหาร Supply Chain Collaboration
ปัจจุบันเรื่องของ Supply Chain หรือการจัดการห่วงโซ่อุปทาน มีความจําเป็นสําหรับการ
ดําเนินธุรกิจในแทบทุกอุตสาหกรรม ทั้งนี้ก็เนื่องมาจากสภาวะการแข่งขันในปัจจุบัน ที่ทําให้ทุกภาค
ธุรกิจใส่ใจกับเรื่องการลดต้นทุนในการดําเนินงานและค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นมากเป็นพิเศษ
- ความไว้ใจซึ่งกันและกัน (Trust) อันนี้เป็นปัจจัยหลักและสําคัญมากที่สุด จําเป็นที่จะต้องสร้าง
ขึ้นมา ในอดีตผู้ที่ทําธุรกิจเกี่ยวข้องกันนั้นมักมีความไว้วางใจกันสูง ความไว้วางใจในอดีตนั้นมักเกิดใน
รูปของคุณภาพสินค้าและเครดิต - การร่วมใช้ข้อมูลชุดเดียวกัน (Information Sharing) หากคู่ค้ายินยอมให้ใช้ข้อมูลการค้าร่วมกัน
หรือเป็นข้อมูลชุดเดียวกันแล้ว จะส่งผลให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดทั้งในเรื่องของเวลา (Time) และ
ต้นทุน (Costs) คือสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในเรื่องของ Lead Time, Order Fulfillment - คุณภาพของข้อมูลที่ใช้ร่วมกัน (Quality of Shared Information) คุณภาพของข้อมูล โดยทั่วไป
หมายถึงความถูกต้อง (Accuracy) และความทันต่อเวลา (Timeliness) ข้อมูลนั้นจะไม่เกิดประโยชน์
ใดๆเลย หากเป็นข้อมูลที่ขาดความถูกต้องแม่นยํา - เทคโนโลยีสารสนเทศและสื่อสาร (Information and Communication Technologies)ปัจจัย
ทั้งสามข้อที่ได้กล่าวมา จะเกิดขึ้นไม่ได้เลยหากปราศจากการนําเอาเรื่องของไอซีทีมาใช้ ความจริงเรื่อง
ของ Collaboration มีการพูดถึงมานานแล้ว แต่องค์กรธุรกิจต้องใช้เวลาในการติดตั้งซอฟต์แวร์
เพื่อให้พร้อมทั้งตนเองและคู่ค้า
การประยุกต์ใช้กลยุทธ์การบริหาร SCM
ในการบริหารกลยุทธ์นั้น ผู้บริหารหรือองค์การสามารถเลือกใช้กลยุทธ์ได้หลายวิธีทั้งนี้
ควรพิจารณาความเหมาะสม และสภาพธุรกิจขององค์การ กลยุทธ์ของ SCM สามารถแบ่งประเด็น
สําคัญ ๆ ได้ดังนี้
- ความยืดหยุ่นในระบบ ผู้บริหารมีความมุ่งมั่นในการปรับปรุงระบบ การใช้พนักงานชั่วคราว การ
ใช้อุปกรณ์ที่ทํางานได้หลากหลาย การจ้างหน่วยงานภายนอกทํางาน การปรับปรุงกระบวนการให้ลด
รอบเวลา - องค์การควรมีการออกแบบระบบให้เหมาะสมโดยเน้นสินค้า ช่องทาง หรือตลาดให้สอดคล้องกับ
ความต้องการของลูกค้า - มีการจัดแบ่งลูกค้าและสินค้า การปฏิบัติต่อลูกค้าแต่ละรายตามระดับประโยชน์ที่ได้รับจากลูกค้า
การแยกประเภทลูกค้าอย่างเหมาะสม องค์การควรมีการมองภาพรวมทั้งโลก มีการกําหนดมาตรฐาน
ของกระบวนการข้อมูล วัตถุดิบและปัจจัยพื้นฐาน การใช้ระบบงานร่วมกันทั่วโลก เช่น การใช้แหล่ง
ผลิตร่วมกัน การใช้ชิ้นส่วนร่วมกัน เป็นต้น - การบริหารการพัฒนาสินค้า การบริหารต้นทุนเป้าหมายของสินค้า (Target Costing) การบริหาร
ต้นทุนของสินค้าตลอดช่วงอายุ (Life Cycle Costing) - การผลิตสินค้า/บริการเฉพาะลูกค้า การสร้างความแตกต่างของสินค้า/บริการใกล้จุดส่งมอบที่สุด
การผลักภาระให้ลูกค้าทําให้สินค้า/บริการเหมาะกับตนมากที่สุด การออกแบบให้สินค้า/บริการใช้วัสดุ
หรือชิ้นส่วนร่วมกัน การทําให้สินค้ามีความแตกต่างตามลูกค้า เกิดขึ้นที่โรงงาน โกดัง หรือจุดส่งมอบ - การใช้ข้อมูลอย่างเหมาะสม การปรับระบบข้อมูลให้ส่งเสริม การลดต้นทุน การสร้างความยืดหยุ่น
และความสามารถในการแข่งขัน อาทิ เทคนิค Activity – Based Costing การเชื่อมโยงระบบกับคู่ค้า
การลดรอบเวลาในการจัดหาข้อมูล จนถึงการใช้ประโยชน์ การปรับปรุงคุณภาพของข้อมูลให้เน้นที่
ลูกค้า - การลดความสูญเสีย การใช้มาตรฐานข้อมูลหรือสัญลักษณ์ การลดความซับซ้อนของสินค้า
กระบวนการผลิต การส่งมอบ การลดจํานวนผู้ส่งมอบ การบริหารความต้องการและการตอบสนอง
สินค้าให้เกิดการหมุนเวียนสินค้าคงคลังมากที่สุด - การสร้างพันธมิตร การใช้หน่วยงานทํางานแทนบางอย่าง การประสานงานระหว่างคู่ค้า ผู้ส่งมอบ
ผู้ให้บริการ และลูกค้า การพัฒนาการจัดการในด้านนี้ - การใช้ประโยชน์จากพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ การพัฒนาเครือข่ายผู้ส่งมอบ เพื่อร่วมจัดทําแผนการ
ผลิตและส่งมอบอย่างทันเวลา - การพัฒนาบุคลากร การมีมุมองหลากหลายบนพื้นฐานของวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน การทํางาน
หลากหลายเพื่อสร้างความเข้าใจในงานทุกระบบ การมีความรู้ถึงระดับภาคปฏิบัติ การพัฒนาให้มี
ความสามารถหลากหลาย ความสามารถในการแก้ไขปัญหา ความสามารถทางด้านเทคโนโลยี
สารสนเทศ
เมื่อพิจารณากลยุทธ์และวิธีการดังกล่าว จะเห็นได้ว่าผู้ปฏิบัติจะต้องมีความเข้าใจและมีความรู้
ในหลาย ๆ ด้าน ได้แก่ การจัดการกลยุทธ์ธุรกิจ การจัดการกระบวนการ เทคโนโลยีสารสนเทศ และ
การพัฒนาองค์การ เป็นต้น องค์การต่าง ๆ ควรจะมีแผนงานในด้านต่าง ๆ อย่างชัดเจน
ประโยชน์ของการบริหารห่วงโซ่อุปทาน
- เสริมสร้างความสามารถในการบริหารและการแข่งขันของสมาชิกในห่วงโซ่อุปทาน
- ส่งเสริมการเติบโตและความยั่งยืนของธุรกิจ
- สมาชิกในห่วงโซ่อุปทานปรับระบบการทํางานให้สอดคล้องกัน
- แบ่งปันข้อมูลที่จําเป็นเพื่อความคล่องตัวในการดําเนินงาน
- ใช้ทรัพยากรที่มีอย่างจํากัดให้เกิดประโยชน์สูงสุดร่วมกัน
แนวคิดการบริหารห่วงโซ่อุปทาน
- เปลี่ยนจากการทํางานตามบทบาทและหน้าที่ของแต่ละผ่ายเป็นการทํางานร่วมกันเป็น
กระบวนการ - เปลี่ยนเป้าหมายที่กําไรเป็นการทํางานที่มีเป้าหมายหลายด้าน
- เปลี่ยนจากการมุ่งเน้นผลิตภัณฑ์เป็นการมุ่งเน้นลูกค้า
- รักษาปริมาณสินค้าคงคลังในระดับที่เหมาะสม และสามารถสนองความต้องการของลูกค้าให้ได้สูง
ที่สุดโดยใช้ระบบสารสนเทศเชื่อมโยงและแจ้งข้อมูลได้ทันที - สร้างสัมพันธภาพที่ดีระหว่างหน่วยธุรกิจต่างๆ ประกอบการติดต่อด้วยสัญญาทางการค้า ใบสั่ง
สินค้า หรือการเจรจาทางการค้า
กลยุทธ์การบริหารห่วงโซ่อุปทาน
- จัดระบบให้ยืดหยุ่น และสามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงได้ โดยออกแบบโครงสร้างและ
กระบวนการต่างๆ ภายในห่วงโซ่อุปทานอย่างเหมาะสม และครอบคลุม - ระบุประเภทของเทคโนโลยีที่ส่งเสริมการดําเนินการในแต่ละกระบวนการ
- ใช้ข้อมูลอย่างเหมาะสม โดยปรับและเชื่อมโยงระบบข้อมูล รวมทั้งปรับปรุงคุณภาพของข้อมูลเพื่อ
เพิ่มความสามารถในการแข่งขัน - สร้างพันธมิตร ประสานงานระหว่างคู่ค้า ผู้ส่งมอบ ผู้ให้บริการ และลูกค้า
- ใช้ประโยชน์จากพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ โดยพัฒนาเครือข่ายพันธมิตร และร่วมจัดทําแผนการ
ดําเนินงาน - พัฒนาบุคลากรให้สามารถทํางานข้ามวัฒนธรรม เข้าใจงานทุกระบบ ทํางานได้หลากหลาย และมี
ความสามารถทางด้านเทคโนโลยี
การเลือกและบริหารพันธมิตรในห่วงโซ่อุปทาน
- ผู้บริหารระดับสูงไว้วางใจซึ่งกันและกัน
- สายผลิตภัณฑ์สอดคล้องกับความต้องการในปัจจุบันของลูกค้า
- มีเทคโนโลยีระดับเดียวกันหรือใกล้เคียงกัน
- สถานภาพของบริษัทที่เป็นสมาชิกแข็งแกร่ง
- สมาชิกทุกคนมีพันธสัญญาว่าจะทํางานร่วมกันทั้งทางวาจาและทางปฏิบัติ
- วางแผนการดําเนินงานให้สอดคล้อง กลมกลืน และเป็นไปในทิศทางเดียวกันระหว่างสมาชิกใน
ห่วงโซ่อุปทาน - สมาชิกในห่วงโซ่อุปทานทุกฝ่ายร่วมกันวางแผนและปรับลักษณะการปฏิบัติงานภายในหน่วยธุรกิจ
ของตนให้สอดคล้องกับแผนและลักษณะการปฏิบัติงานของสมาชิกอื่นๆ - สมาชิกทํางานร่วมกันในลักษณะหุ้นส่วน พึ่งพาอาศัยกัน และเห็นความสําคัญซึ่งกันและกัน
- เปลี่ยนและแบ่งปันข้อมูลที่จําเป็นระหว่างสมาชิกเพื่อเสริมศักยภาพในการแข่งขัน
การบูรณาการห่วงโซ่อุปทาน
- สมาชิกในห่วงโซ่อุปทานประสานงานสอดคล้องกันทั้งระดับบริหารและระดับปฏิบัติการ ตลอดจน
การสร้างวัฒนธรรมองค์กรเพื่อสนับสนุนงาน - บูรณาการสารสนเทศ โดยเชื่อมโยงและแบ่งปันข้อมูลสารสนเทศ และข้อมูลต่างๆ ที่มีผลกระทบ
การดําเนินงาน - บูรณาการกระบวนการทางธุรกิจให้เป็นระบบเดียวกัน เพื่อช่วยปรับปรุงความสามารถหลักของ
แต่ละฝ่าย อีกทั้งเพื่อให้เกิดความคล่องตัวและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น - สร้างแบบจําลองธุรกิจใหม่ๆ ขึ้นมา เพื่อให้เกิดการปรับเปลี่ยนห่วงโซ่อุปทาน และการส่งมอบ
คุณค่าให้แก่ลูกค้าในรูปแบบที่ต่างจากเดิม
ในการอธิบายความรู้พื้นฐานสําหรับการบริหารจัดการโซ่อุปทาน (Basic of Supply Chain Management: SCM) สิ่งที่สําคัญที่สุดคือการเข้าใจถึงความหมายที่แท้จริงของโซ่อุปทาน (Supply Chain) และการจัดการโซ่อุปทาน (Supply Chain Management) ไปพร้อม ๆ กับกระบวนการทางโลจิสติกส์
โดยคํานึงถึงการไหลของโซ่อุปทานที่เริ่มจาก ผู้จัดจ่ายวัตถุดิบ/ส่วนประกอบ (Raw Material/ component suppliers) ผู้ผลิต (Manufacturers) ผู้ค้าส่ง/ผู้กระจายสินค้า (Wholesalers/distributors) ผู้ค้าปลีก (Retailers) ไปจนถึงผู้บริโภค (Customer) โดยนําเอา กลยุทธ์ วิธีการ แนวปฏิบัติ หรือทฤษฎี มาประยุกต์ใช้ในการจัดการ การส่งต่อ วัตถุดิบ สินค้า หรือ บริการจากหน่วยงานหนึ่งในกิจกรรมโซ่อุปทาน ไปยังอีกหน่วยงานหนึ่งอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีวัตถุประสงค์หลักของ (Supply Chain Management: SCM) ก็เพื่อลดต้นทุนการถือครองสินค้าให้¹
¹ที่มา:https://logist.rtaf.mi.th/images/files/download/Supply_Chain_Management.pdf