
ได้แต่คิดได้แต่ฝัน — วลีสั้น ๆ แต่มีความหมายลึกซึ้ง ที่สะท้อนถึงสภาวะของคนที่มี ความฝัน หรือ เป้าหมาย แต่ยังไม่กล้าลงมือทำให้เป็นจริง หลายคนอาจเคยอยู่ในจุดนี้ ที่หัวใจเต็มไปด้วยไอเดียและแรงบันดาลใจ แต่ความกลัว ความไม่มั่นใจ หรือข้อจำกัดบางอย่างทำให้เรายัง “คิด” อยู่เพียงในหัว ไม่ได้ “ทำ” ในโลกความจริง
ความหมายของ “ได้แต่คิดได้แต่ฝัน”
คำนี้มักใช้เพื่ออธิบายสถานการณ์ที่เรา มีความหวังและความปรารถนา แต่ยังไม่เริ่มลงมือทำจริง ๆ อาจเพราะเหตุผลต่อไปนี้
-
ขาดความกล้า กลัวความล้มเหลว
-
ขาดความรู้หรือทักษะ ที่จะทำให้ความฝันเกิดขึ้นจริง
-
ติดอยู่ในความสะดวกสบาย (Comfort Zone)
-
รอจังหวะที่ “สมบูรณ์แบบ” ซึ่งอาจไม่มีอยู่จริง
ผลเสียของการอยู่ในโหมด “คิดและฝัน” อย่างเดียว
หากเราปล่อยให้ชีวิตอยู่ในขั้นตอนของการคิดโดยไม่ลงมือทำ ผลเสียที่อาจเกิดขึ้นคือ
-
เสียเวลา โดยไม่มีความคืบหน้า
-
เสียโอกาส เพราะบางสิ่งรอเราไม่ได้นาน
-
รู้สึกเสียดายในอนาคต ว่าทำไมไม่ลองเริ่มตั้งแต่เมื่อก่อน
วิธีเปลี่ยนจาก “ได้แต่คิดได้แต่ฝัน” เป็น “คิดแล้วลงมือทำ”
-
ตั้งเป้าหมายชัดเจน — เขียนออกมาให้เป็นรูปธรรม
-
แบ่งเป้าหมายเป็นขั้นตอนเล็ก ๆ — เพื่อให้เริ่มได้ง่ายขึ้น
-
ลงมือทันที แม้จะยังไม่พร้อม 100%
-
หาที่ปรึกษาหรือแรงสนับสนุน เพื่อเพิ่มกำลังใจ
-
ติดตามความคืบหน้าและปรับแผน ให้เหมาะสม
แรงบันดาลใจจากคนที่เริ่มจากศูนย์
คนดังหลายคนในประเทศไทยและทั่วโลก เคยเริ่มจากเพียง “ความฝัน” เช่น นักธุรกิจที่เริ่มจากเงินหลักร้อย หรือศิลปินที่ไม่มีใครรู้จัก แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาแตกต่าง คือ “ลงมือทำ” โดยไม่รอให้ทุกอย่างพร้อม
สรุป: การ ได้แต่คิดได้แต่ฝัน ไม่ใช่เรื่องผิด แต่หากคุณต้องการให้ฝันกลายเป็นจริง ต้องเริ่มด้วยการ ลงมือทำ วันนี้ ไม่ใช่รอวันพรุ่งนี้ เพราะทุกการเริ่มต้นเล็ก ๆ คือก้าวสำคัญสู่ความสำเร็จ
ศึกษาเทคนิคการวางแผนและการพัฒนาทักษะเพิ่มเติมได้ที่ กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ซึ่งมีหลักสูตรและข้อมูลสำหรับผู้ต้องการพัฒนาตนเอง
Q&A
Q: ถ้ารู้สึกว่าตัวเองยังไม่พร้อม ควรรอหรือเริ่มเลยดี?
A: เริ่มเลยดีที่สุด เพราะความพร้อมสมบูรณ์แบบไม่มีอยู่จริง การเริ่มทำจะช่วยให้เราเรียนรู้และปรับปรุงได้เร็วกว่า
