อคติ 4
การละ “รัก โลภ โกรธ หลง” อคติทั้ง 4 นี้เป็นความลำเอียงที่เกิดขึ้นในใจของมนุษย์ และเมื่อเกิดขึ้นแล้วก็ย่อมนำความทุกข์มาสู่ใจเรา หลายคนหาทางแก้ไข เพื่อละหรือดับความรู้สึกที่เกิดขึ้น
อคติ คือ
- ไม่ตรง ไม่ตรงทิศ ไม่ตรงทาง และไม่ตรงธรรม
อคติ 4 คือ สัญชาตญาณที่ถูกโน้มน้าวไปโดยไร้ความเที่ยงธรรม และความเอนเอียงแห่งอารมณ์ที่ผุดขึ้นจากความเหลื่อมล้ำต่ำสูง และช่องว่างในสังคม 4 ประการ
ภาษาอังกฤษคือ Bias ภาษาไทย แปลว่า “ลำเอียง”
ประกอบด้วย : ฉันทาคติ, โทสาคติ, โมหาคติ, ภยาคติ
อคติ 4 เป็นความลำเอียงที่ทำให้เสื่อม ข้อความจาก พระไตรปิฎกแปลไทย ฉบับหลวง พระสุตตันตปิฎก เล่ม 13 อังคุตรนิกาย จตุกกนิบาต จรวรรคที่ 2 อคติสูตรที่ 3 ของพระธรรมคำสั่งสอยของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีในตอนหนึ่งว่า
“ดูกรภิกษุทั้งหลาย
การถึงอคติ 4 ประการนี้ 4 ประการเป็นไฉน
บุคคลย่อมถึงฉันทาคติ ย่อมถึงโทสาคติ
ย่อมถึงโมหาคติ ย่อมถึงภยาคติ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย”
“การถึงอคติ 4 ประการนี้แลฯ
ผู้ใดประพฤติล่วงธรรม เพราะความรัก ความชัง
ความหลง ความกลัว ยศของผู้นั้นย่อมเสื่อม
เหมือนพระจันทร์ข้างแรมฉะนั้น ฯ”
“ดูกรภิกษุทั้งหลาย
การไม่ถึงอคติ 4 ประการนี้ 4 ประการเป็นไฉน
บุคคลย่อมไม่ถึงฉันทาคติ ย่อมไม่ถึงโทสาคติ
ย่อมไม่ถึงโมหาคติ ย่อมไม่ถึงภยาคติ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
การไม่ถึงอคติ ประการนี้แลฯ”
“ผู้ใดไม่ประพฤติล่วงธรรม เพราะความรัก ความชัง
ความหลง ความกลัว ยศของผู้นั้นย่อมเต็มเปี่ยม
ดุจพระจันทร์ข้างขึ้น ฉะนั้น ฯ”
คติธรรมความรัก
พรหมวิหาร 4 คือ คติธรรมความรักเป็นหลักคุณธรรมที่ทำให้ผู้ประพฤติปฏิบัติตามเป็นผู้ประเสริฐ ซึ่งคำว่า “พรหมวิหาร” มีความหมายว่า ธรรมอันเป็นที่อยู่ของพรหม การยึดถือหลักธรรมดังกล่าวจะทำให้สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข โดยเชื่อว่ามนุษย์จะประเสริฐได้ก็ต่อเมื่อมีคุณธรรม พรหมวิหาร 4 ประกอบด้วยหลักธรรม 4 ข้อ ได้แก่
- เมตตา คือ ความรักความปรารถนาให้ผู้อื่นเป็นสุข มีความปรารถนาดีมอบให้ผู้อื่น รวมถึงมีเมตตาต่อสัตว์
- กรุณา คือ ความปรารถนาที่จะช่วยให้ผู้อื่นพ้นทุกข์ มีความสงสาร และเห็นใจผู้อื่นที่ประสบทุกข์
- มุทิตา คือ ความปีติยินดีเมื่อเห็นผู้อื่นได้ดี ไม่อิจฉาริษยา ร่วมชื่นชม และยินดีกับความสำเร็จของผู้อื่น
- อุเบกขา คือ ความวางเฉย วางใจเป็นกลาง ไม่ซ้ำเติมคนที่กำลังทุกข์ หรือเพลี่ยงพล้ำ
พรหมวิหาร 4 ไม่ได้เป็นหลักธรรมที่เข้าใจยาก หรือซับซ้อน เป็นหลักปฏิบัติทั่วไปในชีวิตประจำวัน หากปรับเปลี่ยนทัศนคติ และหมั่นสร้างนิสัยความเมตตาปรารถนาดีต่อผู้อื่นเป็นประจำ ทุกคนก็สามารถมีพรหมวิหาร 4 ในใจได้ ส่งผลให้เป็นผู้ที่มีความสุขไม่เกิดความไม่ยุติธรรมหรือกี่เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง จนไม่รับฟังหรือไม่ยอมรับเหตุผลใดๆ
รัก หรือ หลง
ความรักกับความหลงมีความแตกต่างกันอย่างไร
ความรัก คือ
- ความปรารถนาดีต่ออีกฝ่าย อยากให้คนที่เรารักมีความสุข
- การที่เราจะรักคนๆ หนึ่งได้นั้นต้องใช้เวลาในการศึกษาเรียนรู้นิสัยใจคอ ไลฟ์สไตล์ต่างๆ นอกเหนือไปจากรูปลักษณ์ภายนอก
- หากเรารักใครสักคนเราจะยินดีที่เขามีความสุข แม้ว่าความสุขนั้นจะเป็นความสุขที่ไม่ได้มีเราอยู่ด้วยหรือเราไม่ใช่ผู้ที่มอบความสุขนั้นให้เขาหรือเธอ
- เมื่อเจออุปสรรค ความรักจะทำให้เราอยากต่อสู้เคียงข้างอีกฝ่ายเพื่อผ่านเรื่องราวเหล่านั้นไปด้วยกัน
- เมื่อทะเลาะกัน แม้ช่วงแรกจะใช้อารมณ์ แต่เมื่อมีสติ ต่างฝ่ายจะพูดคุยเปิดอกและหาทางออกร่วมกันอย่างมีเหตุผล
- หากเรารักใครสักคนเราจะหันมาปรับปรุงข้อเสียของตัวเองเพื่อรักษาความสัมพันธ์ให้ยั่งยืน
- ความสบายใจ ยินดีเมื่อได้เห็นอีกฝ่ายมีความสุขและพร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันให้เขาได้ทำในสิ่งที่ต้องการ
- ต้องการที่จะเข้าใจและเรียนรู้ตัวตนที่แท้จริงของอีกฝ่ายเพื่อให้สามารถใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข
- เข้าใจและให้เกียรติอีกฝ่ายเสมอ ไม่ก้าวล้ำความเป็นส่วนตัวและเว้นช่องว่างให้ความสัมพันธ์เพื่อให้อีกฝ่ายมีอิสระและเวลาส่วนตัว
- ความรักให้ความสำคัญกับความรู้สึกและความสัมพันธ์
ความหลง คือ
- ความปรารถนาที่อยากให้อีกฝ่ายทำให้เรามีความสุข
- ความรู้สึกหลงนั้นเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว อาจเกิดขึ้นได้แค่ชั่ววินาทีเดียวเพราะเป็นการหลงใหลเสน่ห์หน้าตาหรือรูปร่างภายนอกเท่านั้น
- หากเราหลงใครสักคนเราจะอยากเป็นคนสำคัญที่สุดของพวกเขา และไม่ต้องการให้เขาหรือเธอเห็นใครดีกว่าเรา และไม่ยินดีที่จะให้คนอื่นมาสร้างความสุขให้คนที่เราหลง
- ความหลงจะยินดีเมื่ออีกฝ่ายประสบความสำเร็จ แต่กลับไม่พร้อมจะต่อสู้เคียงข้างกันเมื่อมีปัญหาอุปสรรค เป็นอีกหนึ่งความแตกต่างสำหรับคนที่อยากรู้ว่ารักกับหลงต่างกัน
- เวลาทะเลาะหรือมีปัญหาจะไม่รับฟังเหตุผลของอีกฝ่าย แต่ต้องการให้เขาหรือเธอรับฟังความอึดอัดของตัวเองแบบไม่สนใจใคร
- ความหลงนั้นคือความต้องการให้อีกฝ่ายเปลี่ยนแปลงและปรับตัวหาเรา โดยที่ตัวเราเองไม่เคยปรับปรุงตัวเพื่ออีกฝ่าย
- เอาแต่ใจตัวเองและไม่ต้องการให้อีกฝ่ายทำในสิ่งที่ตัวเองไม่มีส่วนร่วมหรือไม่ชอบ
- ไม่แคร์ว่าจะได้รู้จักเพื่อนสนิท ครอบครัว หรือเข้าใจตัวตนของอีกฝ่ายจริงๆ หรือเปล่าตราบใดที่คบกันแล้วยังมีความสุข ก็คืออีกความแตกต่างของความรักกับความหลง
- หึงหวงแบบไร้เหตุผล ก้าวก่ายความเป็นส่วนตัวบางอย่าง เช่น เช็ก LINE หรือ Facebook, ไม่ชอบให้อีกฝ่ายคุยกับเพศตรงข้าม
- ความหลงให้ความสำคัญกับเรื่องเพศและความสุขชั่วครั้งชั่วคราว
อคติ 4 ประการ
ปัจจัยที่เป็นเหตุให้เกิดอคติ มี ๔ อย่าง คือ
- ความรักใคร่ชอบพอ คือ ฉันทาคติ
- ความโกรธ เกลียดชัง คือ โทสาคติ
- ความหลง เขลา เบาปัญญา คือ โมหาคติ
- ความเกรงกลัว ขลาด คือ ภยาคติ
อคติ 4 คือ คุณธรรม ข้อ ใด
อคติ จึงเป็น ความ ลำเอียง สาเหตุหลักของความผิดพลาดในกระบวนการคิด และตัดสินใจของมนุษย์ทุกคนธรรมสำหรับปุถุชนทั่วไป โดยเฉพาะผู้ที่เป็นผู้นำ เป็นหัวหน้า ผู้ที่ทำหน้าที่ฝ่ายปกครอง หรือเป็นข้าราชการ เพราะธรรมเหล่านี้ เป็นสัจจะความจริงที่มักเกิดขึ้นกับบุคคลเหล่านี้ และมีผลอย่างมากต่อการบริหารงาน ต่อการปกครอง และความสงบสุขของสังคม
ความหมายที่ครอบคลุมของอคติ
- วิถีในทางที่ผิด เช่น เพราะเกลียดจึงรัก
- แนวทางที่ผิด
- สิ่งที่เป็นไปในทางที่ไม่ดีงาม
- การดำเนินไปในทางที่ผิด
- ความลำเอียง เช่น ความ หลง
- ความไม่เที่ยงธรรม
- ความไม่เป็นกลาง
อคติ 4 มี อะไร บ้าง
- ฉันทาคติ หมายความว่า เราเลือกปฏิบัติต่อสิ่งนั้นๆ ด้วยความลำเอียง เช่น ลำเอียงเพราะรัก หรือชอบสิ่งนั้น
- โทสาคติ หมายความว่า เราเกิดความลำเอียงเนื่องจากความหงุดหงิด ไม่ชอบใจ
- โมหาคติ หมายความว่า เราเกิดความลำเอียง เพราะเราไม่รู้ว่าจะปฏิบัติต่อสิ่งนั้นอย่างไร
- ภยาคติ หมายความว่า เราลำเอียงต่อสิ่งนั้นเพราะความกลัว หรือเกรงใจ
อคติ หมายถึง
อคติ มาจากภาษาบาลี คำว่า
- อะ หมายถึง ผิด, ไม่, ไม่ถูกต้อง, ไม่ดีงาม, ไม่สมควร
- คติ หมายถึง วิถี, แนวทาง, สิ่งที่เป็นไป, การดำเนินไป, ความเป็นไป, การตอบสนอง, การแสดงออก
- คติ มีความแตกต่างกับ ทัศนะ คือ
- ทัศนะ หมายถึง ความเห็น, ความคิดเห็น, มุมมอง ส่วน คติ หมายถึง ดังข้างต้น ดังนั้น ทัศนคติ จึงหมายถึง การแสดงออก หรือ วิถีที่ดำเนินไปอันเกิดจากความคิดหรือความเห็น
คน อคติ
ความหมายของคนอคติ เข้าใจง่ายๆ ก็คือ ความไม่ยุติธรรม ความลำเอียง 4 ประการ
- ฉันทาคติ
- โทสาคติ
- โมหาคติ
- ภยาคติ
ฉันทาคติ
คือ ความลำเอียง เพราะชอบพอ รักลำเอียง เกิดความรักทำให้เกิดความไม่ยุติธรรมเข้าข้าง
ฉันทาคติ มาจากคำว่า ฉันทะ + อคติ
ฉันทะ หมายถึง ความชอบใจ หรือ ความพอใจ
ต้องแยกให้ออกระกว่าง ความ รัก ความ หลง
-
-
- ความรัก คือความ “ปรารถนาดี” ต่ออีกฝ่ายอยากให้อีกฝ่ายมีความสุข
- ความหลง คือ ความปรารถนา “อยาก” ให้อีกฝ่ายมาทำให้เรามีความสุข
-
-
- ความรัก คือ การ “สนับสนุน” เอื้อเฟื้อ เกื้อกูลกัน เป็นแรงผลักดันให้ฝันของอีกฝ่ายเป็นจริง
- ความหลง คือ การอยากให้อีกฝ่ายทำ “ตามใจฉัน” โดยไม่สนว่าเขาจะอยากทำหรือไม่
-
-
- ความรัก คือ การให้ “ความสบายใจ” เมื่ออยู่ใกล้ ไม่ต้องบังคับมาครอบครอง เพราะทั้งสองต่าง อยากเป็นของกันและกัน
- ความรัก คือ การถามตัวเองอยู่เสมอว่า จะทำอย่างไรให้เรา “ทั้งสอง” มีความสุข ให้ความสัมพันธ์ของเราราบรื่น ดำเนินไปด้วยดี
-
-
- ความหลง คือ การถามตัวเองว่า ฉันจะต้อง “ได้” อะไรจากเขา ฉันจึงจะมีความสุข
- ความรัก คือ การทำสิ่งที่อีกฝ่ายชอบด้วยความ “เต็มใจ” เพราะเรารู้ว่าสิ่งนั้นจะทำให้เขายิ้มได้
-
-
- ความหลง คือ การ “อยาก” ให้อีกฝ่ายทำสิ่งที่เราชอบ เพื่อที่เราจะได้ยิ้มออก
- ความรัก คือ การยอมรับใน “ตัวตน” ของคนที่เรารัก หลง คือ การคิดว่าตัวเองรักในตัวตนของเขา แต่จริงๆแล้วเรารัก “เปลือก” ของเขามากกว่า
-
-
- สำหรับผู้ชาย ลองคิดดูว่าถ้าแฟนเราแก่ตัวขึ้นมา หน้าเหี่ยว ผิวหนังหย่อนยาน เราจะยังรักเขาอยู่ไหม
- สำหรับผู้หญิง ลองคิดดูว่าถ้าเกิดวิกฤติ ฝ่ายชายล้มละลาย ไม่มีรถหรู บ้านสวย เราจะยังอยู่เคียงข้างเขาในวันที่เขาล้มอยู่หรือไม่ ถ้าไม่ ลองกลับมาคิดกับตัวเองดีๆว่าเรารักเขาเพราะอะไร
-
-
- ความรัก คือ การ “ปรับปรุง” ข้อเสียของเราเองเพื่อให้อีกฝ่ายมีความสุข แต่ต้องไม่ทุกข์ ไม่งั้นการเปลี่ยนแปลงไปไม่นาน เราก็จะกลับมาเป็นคนเดิมอีก
- ความหลง คือ การบอกให้อีกฝ่าย “เปลี่ยนแปลง” ตัวเองเพื่อให้เรามีความสุข
- ความรัก คือ ความ “เข้าใจ” ในความไม่สมบูรณ์แบบของเขา
- ความหลง คือ ความ “ต้องการ” ให้เขาสมบูรณ์แบบตามภาพที่เราวาดไว้
- ความรัก คือ การ “ปรับตัว” ให้เข้าหากันทั้งสองฝ่าย
- ความหลง คือ การ “อยาก” ให้อีกฝ่ายปรับตัวเขาหาเรา
- ความรัก คือ การ “ให้” โดยไม่ได้หวังว่าเราจะต้องได้อะไรตอบแทนในขณะเดียวกัน ผู้รับก็จะอยากตอบแทนความรักหากได้มันมา ดังนั้น ถ้าได้คบคนที่มีจริตของ Give & Take ที่เหมือนกันจะอยู่กันได้นานกว่าคนที่มีความคิดเรื่องนี้ไม่เหมือนกัน (เพราะฝ่ายที่ให้อยู่อย่างเดียวก็จะรู้สึกไม่ค่อยโอเคแม้ว่าเขาจะไม่หวังก็ตาม)
- ความหลง คือ การให้โดย “คาดหวัง” ว่าเขาจะต้องให้เราตอบแทน ถ้าเขาไม่ให้ตอบ เราก็เป็นทุกข์
โทสาคติ
คือ ความลำเอียงเพราะโกรธหรือชิงชัง ไม่รักไม่เข้าข้าง
โทสาคติ มาจากคำว่า โทสะ + อคติ
โทสะ หมายถึง ความโกรธ
ปัจจัยที่ก่อเกิดความโกรธหรือชิงชังในคัมภีร์ปริวาร
-
- ความโกรธเพราะได้ทำแล้วซึ่งสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์หรือก่อโทษแก่ตนเอง
- ความโกรธเพราะกำลังทำซึ่งสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์หรือก่อโทษแก่ตนเอง
- ความโกรธเพราะคิดจะทำซึ่งสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์หรือก่อโทษแก่ตนเอง
- ความโกรธเพราะได้ทำแล้วซึ่งสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์หรือก่อโทษแก่คนที่ตนรัก
- ความโกรธเพราะกำลังทำซึ่งสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์หรือก่อโทษแก่คนที่ตนรัก
- ความโกรธเพราะคิดจะทำซึ่งสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์หรือก่อโทษแก่คนที่ตนรักเข้าข้าง
- ความโกรธเพราะได้ทำแล้วซึ่งประโยชน์ต่อผู้ที่ตนชิงชัง
- ความโกรธเพราะกำลังทำซึ่งประโยชน์ต่อผู้ที่ตนชิงชัง
- ความโกรธเพราะคิดจะทำซึ่งประโยชน์ต่อผู้ที่ตนชิงชัง
โมหาคติ
คือ ความลำเอียงเพราะหลง หรือ ความลำเอียงเพราะความเขลา หลงอำนาจ
โมหาคติ มาจากคำว่า โมหะ + อคติ
โมหะ หมายถึง ความหลง ความลุ่มหลง
ภยาคติ
คือ ความลำเอียงเพราะกลัว
ภยาคติ มาจากคำว่า ภยะ + อคติ
ภยะ หมายถึง ความกลัว ความหวาดหวั่น หรือ มักเรียกกลายเป็นศัพท์ว่า ภัย
คนที่ถูกอคติ แปลว่า ครอบงำ ย่อมเป็นคนที่ความคิดเห็นไม่ถูกต้องตามทำนองคลองธรรม เป็นมิจฉาทิฐิ ทำให้เป็นคนที่มีความพยาบาทในจิตใจ ก่อความวุ่นวายเบียดเบียนผู้อื่นอยู่เสมอ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตนเอง โดยจะแสดงอคติในจิตใจออกมาทางวาจา
-
- ด้วยประพฤติวจีทุจริต 4 คือ การพูดเท็จ การพูดคำหยาบ การพูดส่อเสียด การพูดเพ้อเจ้อ เป็นนิสัย
- ทางกาย ด้วยการประพฤติกายทุจริต 3 คือ การฆ่าสัตว์ การลักทรัพย์ การประพฤติผิดในกาม
อคติย่อมทำให้อาชีพที่ทำอยู่เป็นอาชีพทุจริต อคติย่อมทำให้ขวนขวายในสิ่งที่ทุจริตเสมอ จิตใจย่อมหมกมุ่นนึกคิดแต่เรื่องการประพฤติทุจริต แล้วจดจ่อแต่จะทำทุจริตด้วยอำนาจของอคตินั้น คนที่ถูกอคติครอบงำอยู่ ย่อมไม่รู้สึกตัวว่าทำทุจริตดังกล่าวมา ด้วยสำคัญผิดว่าตนได้ทำถูกแล้ว
แนวทางการละอคติ 4
- ไม่คบคนพาล
- จักกสูตร 4 ประการ
-
- อยู่ในประเทศอันสมควร หมายถึง อยู่ในสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเป็นคนดี
- การคบสัตบุรุษ
- การตั้งตนไว้ชอบ คือ ยึดมั่นในการประพฤติตนให้เป็นคนดีอย่างสม่ำเสมอ
- ความเป็นผู้มีบุญที่ทำไว้ในปางก่อน คือ เชื่อถือในความดีงามที่ทำมาว่าจะเกิดกุศลกรรมที่ดีงามต่อเราในภพนี้ และภพหน้า
- สัมมาทิฏฐิ คือ ตั้งมั่นในความเห็นชอบ
- จิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน คือ พิจารณาสภาพจิตของตนเอง
- กุศลวิตก 3 คือ การตรึกตรองถึงสิ่งที่เป็นกุศล 3 อย่าง คือ
-
- การตรึกตรองที่เว้นจากกาม
- การตรึกตรองที่เว้นจากพยาบาท
- การตึกตรองที่เว้นจากการเบียดเบียน
ใจที่อคติจากความรัก ความโลภ ความโกรธ ความหลง คลายทุกข์ภายในใจได้ด้วยการยอมรับ ตามหลักการใช้ศีล มีสมาธิ และสร้างปัญญาที่จะน้อมนำมาให้เกิดความตื่นรู้ และความสงบในจิตใจ
การแก้ไขตนเองไม่ให้มีอคติเกิดขึ้นในจิตใจ จึงจำเป็นต้องทำตนเองให้เป็นผู้มีสติ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้พระราชทานแนวปฏิบัติเรื่องสติ ไว้ในพระบรมราโชวาทที่พระราชทานแก่สามัคคีสมาคม ในพระบรมราชูปถัมภ์ เมื่อวันที่ 16 – 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2520 ความว่า
“ความรู้สึกระลึกได้ว่า อะไรเป็นอะไร หรือเรียกสั้นๆว่า “สติ” นั้น เป็นสิ่งสำคัญที่สุดอย่างหนึ่ง ที่จะทำให้บุคคลหยุดคิดพิจารณาก่อนที่จะทำ จะพูด และแม้แต่จะคิดสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ว่าสิ่งนั้นดีหรือชั่ว มีคุณมีประโยชน์หรือเสียหาย ควรกระทำหรือควรงดเว้นอย่างไร เมื่อยั้งคิดได้ ก็จะช่วยให้พิจารณาทุกสิ่งทุกอย่าง อย่างละเอียดประณีต และสามารถกลั่นกรองเอาสิ่งที่ไม่เป็นสาระ ไม่เป็นประโยชน์ ออกได้หมด คงเหลือเนื้อแท้ที่ถูกต้องและเป็นธรรม ซึ่งเป็นของควรคิดควรพูดควรทำแท้ๆ”
คำค้น : คือ ประการ มีอะไรบ้าง อคติ4 คือ คุณธรรมข้อใด คือ คุณธรรม อคติ4 คือ คืออะไร อคติ4 ความหมาย อคติ4 คือคุณธรรมข้อใด วิบัติ 4 อคติ4 มีอะไรบ้าง อคติ4 ประกอบด้วย อคติ4 หมายถึง อคติ4 คืออะไร สมบัติ 4 หมายถึงอะไร ประกอบด้วยอะไรบ้าง หมายถึง ประกอบด้วย คือ คุณธรรมในข้อใด คือ คุณธรรมอะไร คือคุณธรรมข้อใด อคติ ๔ ประกอบด้วยอะไรบ้าง และหมายความว่าอย่างไร อคติ ๔ ได้แก่ อคติ4 ประการ คืออะไรและประกอบด้วยอะไรบ้าง การ์ตูน ตัวอย่าง
แหล่งอ้างอิง :
พระไตรปิฎกแปลไทย ฉบับหลวง พระสุตตันตปิฎก เล่ม ๑๓ อังคุตรนิกาย จตุกกนิบาต จรวรรคที่ 2อคติสูตรที่ 3
สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป.อ.ปยุตฺโต). พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม : สำนักพิมพ์ : มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. พ.ศ.2546
thai.luxurysocietyasia.com/klwtt/
https://mgronline.com/dhamma/detail/9570000113423
shopback.co.th/blog/sm-hi-ความรักกับความหลง/
https://www.thairath.co.th/lifestyle/life/2112730
https://board.postjung.com/1049622
อ่านบทความทั้งหมด >>> pangpond.com
การจัดทำบทความ "ตำราทำนายฝัน 108" ให้น่าสนใจและเป็นมืออาชีพ ควรใช้ภาษาที่เรียบง่ายและชัดเจน โดยเน้นการอธิบายด้วยตัวอย่างที่เข้าใจได้ง่าย และให้ผู้
การหาปริมาตรของ สี่เหลี่ยมคางหมู เป็นทักษะพื้นฐานที่ใช้ในการคำนวณพื้นที่และปริมาตรของวัตถุในชีวิตประจำวัน เช่น การออกแบบถังน้ำ การสร้างอาคาร หรือการ
ทฤษฎีการเรียนรู้ตลอดชีวิต วิธีการเรียนรู้ตลอดชีวิต การเรียนรู้ตลอดชีวิต pdf นโยบายการเรียน รู้ ตลอดชีวิต การเรียนรู้ตลอดชีวิต วิจัย องค์ประกอบการเรียนรู้ตลอด
คํานาม มีอะไรบ้าง แบบฝึกหัด ชนิดของคำ ม.1 พร้อม เฉลย สรุป ชนิดของคำ pdf จงเรียงคําในประโยคพ่อให้เงินฉันใช้ให้มีความหมายที่แตกต่างกันออกไป 5 ประ
ซ้อ ฝัน จุไร พร เป็นอีกหนึ่งบุคคลที่กำลังได้รับความนิยมบนแพลตฟอร์ม VK ด้วยสไตล์การนำเสนอที่เป็นเอกลักษณ์และมีความเป็นกันเอง ทำให้เธอเชื่อมโยงกับ
เคยสงสัยไหมว่าในโลกของวิทยาศาสตร์มีการคำนวณจำนวนอนุภาคเล็กๆ อย่างอะตอมและโมเลกุลได้อย่างไร? คำตอบก็คือ “โมล” (Mole) หน่วยที่นักวิทยาศาสตร์
บทความแนะนำ หมวดหมู่: ดูดวง
จำนวนคอมเมนต์ของโพสต์ ID 171641: 1549