Domain
เชื่อว่าผู้ใช้งานอาจจะไม่ทราบว่าเว็บไซด์หรือการท่องโลกอินเตอร์เน็ตเพื่อเข้าสู่เว็บต่าง ๆ ได้นั้นเรียกว่าอะไร ส่วนใหญ่เรามักจะรู้จักแค่เพียงการที่เราค้นหาทุกอย่างผ่าน Google เท่านั้น
มารู้จักกับ Domain กันเถอะ
ทั้งนี้แท้จริงแล้วเว็บไซด์ที่เราคลิกผ่าน Google หรือแม้แต่ Google เอง ก็ถือได้ว่าเป็น Domain name แห่งหนึ่งเช่นกัน เพื่อให้เราสามารถเข้าใจการท่องเว็บไซด์และการใช้งานโลกอินเตอร์เน็ตมากขึ้น เราจึงควรทำความรู้จักกับ Domain กันเถอะ
Domain คืออะไร
ความหมายหมาย Domain name “Domain” อ่านว่า “โดเมน” คือชื่อที่อยู่ที่เป็นแหล่งอ้างอิงของเว็บไซด์ (Website) ต่าง ๆ บนโลกอินเตอร์เน็ต เพื่อให้การเข้าใช้งานหรือเข้าถึงเว็บไซด์เป็นไปได้ง่ายและสะดวกมากขึ้น โดยทั่วไปแล้วการเข้าถึงแหล่งข้อมูลจะต้องใช้ IP
Address ที่มีแค่ตัวเลขและจุด (เช่น 172.16.255.49 เป็นต้น) ซึ่งเป็นการยากต่อการจดจำเลขทะเบียนเช่นนี้ ทำให้โดเมนจึงเข้ามามีบทบาท โดยจะเปลี่ยนการจดจำ IP Address แต่เราสามารถจดทะเบียนเป็นชื่อได้แทน เพื่อให้การเรียกแต่ละเว็บไซด์ง่ายมากยิ่งขึ้น รวดเร็วมากขึ้น
ทั้งนี้ สามารถใช้การจดทะเบียนโดเมนได้ในหลายชื่อเพื่อเข้าสู่เว็บไซด์เดียวก็ทำได้เช่นกัน ตัวอย่างเช่นเว็บไซด์แห่งหนึ่งจดทะเบียนไว้สองชื่อเพื่อสู่เว็บไซด์แหล่งเดียวได้ ไม่ว่าจะเป็น thedomain.com หรือชื่อ thedomains.com ไม่ว่าจะพิมพ์ข้อความค้นหาชื่อใดชื่อหนึ่งก็จะเข้าสู้เว็บไซด์ได้ที่เดียวกันทันที
ลักษณะของ Domain
Domain โดเมนจะมีด้วยกัน 2 ส่วนหลัก ๆ ดังนี้
Unique Domain คือ ส่วนของชื่อโดเมน
Extension Domain คือ ส่วนของนามสกุลโดเมน
ตัวอย่างเช่น www.Easydomain.co.th โดยจะสามารถแยกได้เป็นส่วนของชื่อโดเมน (Unique Domain) คือ Easydomain และส่วนของนามสกุล (Extension) คือ .co.th
ประเภทของ Domain
นอกจากนี้โดเมนยังมีระดับด้วยเช่นกัน โดยจะประกอบไปด้วย 2 ประเภท ดังต่อไปนี้
แบบ 2 ระดับ โดยมี ชื่อ+นามสกุล คือ www.ชื่อโดเมน.นามสกุลโดเมน เช่น www.Easydomain.com เป็นต้น
ตัวอย่างตัวย่อที่พบบ่อย ได้แก่
com คือ บริษัท หรือ องค์กรพาณิชย์
.net คือ องค์กรที่เป็นเกตเวย์ หรือ จุดเชื่อมต่อเครือข่าย
.org คือ องค์กรเอกชนที่ไม่แสวงผลกำไร
.edu คือ สถาบันการศึกษา
.gov คือ องค์กรของรัฐบาล
.mil คือ องค์กรทางทหาร
แบบ 3 ระดับ โดยมี ชื่อ + นามสกุล + รหัสประเทศ คือ www.ชื่อโดเมน.นามสกุลโดเมน.ประเทศ เช่น www.Easydomain.co.th เป็นต้น
ตัวอย่างตัวย่อที่พบบ่อย ได้แก่
co คือ บริษัท หรือ องค์กรพาณิชย์
.ac คือ สถาบันการศึกษา
.go คือ องค์กรของรัฐบาล
.net คือ องค์กรที่ให้บริการเครือข่าย
.or คือ องค์กรเอกชนที่ไม่แสวงผลกำไร
ตัวอย่างตัวย่อของประเทศที่ตั้งขององค์กร
th คือ ประเทศไทย
.cn คือ ประเทศจีน
.uk คือ ประเทศอังกฤษ
.jp คือ ประเทศญี่ปุ่น
.au คือ ประเทศออสเตรเลีย
ข้อดีและประโยชน์หลัก
ช่วยให้ผู้ใช้งานทั้งเจ้าของหรือผู้เยี่ยมชมเข้าถึงได้ง่าย ไม่สับสนการเข้าสู่เว็บไซด์ (Website) ต่าง ๆ ป้องกันการใส่ที่อยู่ผิดได้ด้วยเช่นกันนอกจากนี้ยังสามารถมีการเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขไอพีแอดเดรส ใช้ IP Address ของชื่อโดเมนเนมนั้นๆ โดยไม่กระทบกับชื่อ Domain Name หรือก็คือไม่กระทบต่อชื่อเว็บไซด์ตัวอักษรที่เราเห็น ๆ กันอยู่นั้นเอง
เมื่อต้องมีการท่องโลกอินเตอร์เน็ตชื่อโดเมน หรือที่เรียกว่าเป็น โดเมนเนม Domain name จึงมีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะเป็นเสมือนประตูที่จะช่วยให้ผู้เยี่ยมชมหรือลูกค้าให้ความสนใจหรือเข้าถึงเว็บไซด์ของคุณได้ เรียกได้ว่าหากตั้งชื่อ Domain name เป็นอย่างดีหรือมีชื่อเฉพาะเจาะจงด้วยแล้วก็จะทำให้การค้นหาถูกพบได้มากขึ้น ตรงกับกลุ่มลูกค้าหรือผู้เยี่ยมชมซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะโฆษณาโดยตรงหรือไม่ก็ตาม ก็จะทำให้เพิ่มโอกาสการเข้าถึง หรืออีกนัยหนึ่งก็คือพวก Search Engine ชื่อดังต่าง ๆ เช่น Google Yahoo etc. จะแสดงคำค้นหาโดยปรากฏโดเมนเนม Domain name หรือเว็บไซด์ที่มีความเกี่ยวข้องมากที่สุดขึ้นมาด้วยนั้นเอง
การตั้งชื่อ Domain name
แนวทางการตั้งชื่อ Domain name
แน่นอนว่าที่สุดของการทำเว็บไซด์ก็คือการคิดแล้วคิดอีกว่าจะตั้งชื่อว่าอะไร ซึ่งก็มีหลักการที่คล้ายคลึงกับการที่เราจะตั้งชื่อแบรนด์นั้นเอง แล้วก็อย่าลืมว่าการจดทะเบียนตั้งชื่อแต่ละครั้งนั้นจะต้องจดทะเบียนเป็นอย่างน้อย 1-10 ปีเลยทีเดียว ซึ่งจะต้องคำนึงถึงรายละเอียดพอสังเขปได้ ดังนี้
คำนึงถึงวัตถุประสงค์ของการตั้งเว็บไซด์ขึ้นมาเป็นหลัก ชื่อควรสอดคล้องกับเป้าหมายหรือแบรนด์หรือเกี่ยวข้องโดยตรงกับบริษัท
ชื่อไม่สั้นไม่ยาวเกินไป ถ้าเป็นคำยากก็ต้องมีพยางค์ที่สอดคล้องกัน สามารถออกเสียงหรือไม่สับสน พบว่าชื่อสั้นมักจะได้รับความนิยมและได้รับความสนใจมากกว่า มักใช้คำที่โดดเด่น
หากกลัวว่าผู้เข้าชมหรือลูกค้าจะเกิดความสับสบจะต้องมีการตั้งชื่อที่คล้ายกัน เพื่อเข้าสู่เว็บไซด์เดียวกันได้ เช่น กรณีชื่อโดเมนมี S และไม่มี S ก็สามารถตั้งชื่อโดยจดทะเบียนโดเมนเนมทั้งสองชื่อเลยก็ได้
หากไม่รู้จะตั้งชื่ออะไรจริง ๆ ก็สามารถเลือกคำที่ไม่มีความหมายก็ได้เช่นกัน โดยควรจะเป็นคำที่อ่านง่าย หรือเอาคำมาเล่นเพื่อให้ง่ายต่อการจดจำ หรืออาจจะเลือกชื่อโดเมนมาจากที่เป็นวัตถุประสงค์ของการทำเว็บไซด์นั้น ๆ ขึ้นมาก็ได้ เพื่อให้คำค้นหาสามารถเข้าถึงเว็บไซด์ได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้นนั้นเอง
ควรหลีกเลี่ยงเครื่องหมาย หรืออักขระแปลกพิเศษ เช่น –
สามารถเลือกการใช้ตัวเลขแทนได้ในชื่อโดเมน แต่ควรใส่แค่พอดีไม่ยาวหลายหมายเลขจนเกินไป
ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต ( Internet Service Provider) คือ องค์กรผู้ให้บริการเชื่อมต่อระบบการสื่อสารทางอินเทอร์เน็ตให้กับลูกค้า ซึ่งอาจเป็นร้านค้าหรือผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั่วไป โดยผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตรับและจดทะเบียนชื่อโดเมน (Domain Name) หรือจะจัดตั้งร้านค้าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อให้ร้านค้านำโฮมเพ็จมาฝากเพื่อขายสินค้า