กฎหมายนิติบุคคล

นิติบุคคล กฎหมายภาษี มีความแตกต่างกันออกไปที่สำคัญครบ 2 ข้อ?

Click to rate this post!
[Total: 198 Average: 5]

นิติบุคคล คือ

นิติบุคคล
นิติบุคคล

สรุปสาระสำคัญ มาทำความรู้จักกับ “นิติบุคคล”

หลายคนคงชงเคยได้ยินคำว่า“นิติบุคคล” กันบ้างแล้ว และเกิดคำถามในใจว่า “นิติบุคคล” นี้คืออะไร ทำไมต้องมี“นิติบุคคล”ขึ้นมาบนโลกใบนี้ แล้วมันไม่เหมือนกับบุคคลธรรมดาอย่างไร อะไรบ้างที่จัดว่าเป็นนิติบุคคล บริษัทคือนิติบุคคลไหม วัดเป็นนิติบุคคลหรือไม่ ห้างหุ้นส่วนสามัญเป็นนิติบุคคลหรือไม่คำถามมากมายเกิดขึ้น ที่สำคัญคือแล้วเราจะรู้จักกับ“นิติบุคคล” ไปทำไมกัน ก็เพราะว่า “นิติบุคคล” นั้นมีกฎหมายที่ให้ความคุ้มครอง ครอบคลุมไม่เหมือนกันกับบุคคลธรรมดา หากเราแยกบุคคลธรรมดาและ“นิติบุคคล” ไม่ได้ จะไม่สามารถทำความเข้าใจสาระสำคัญเรื่องอำนาจและกฎหมายได้นั่นเอง อีกหนึ่งความเข้าใจผิดก็คือ “นิติบุคคลบุคคลธรรมดา” ไม่มีอยู่จริง จะไม่มีการใช้คำนี้ เพราะคนมักจะเอาคำว่า “นิติบุคคล” มารวมกันกับคำว่า “บุคคลธรรมดา” ซึ่งสิทธิหน้าที่ หรือการใช้อำนาจทางกฎหมาย รวมถึงความคุ้มครองบางอย่างก็จะมีความแตกต่างกันออกไป ไม่ได้เหมือนกันแต่อย่างใด

นิติบุคคลคือ
นิติบุคคลคือ

นิติบุคคล คือความหมายของนิติบุคคล นิติบุคคลภาษาอังกฤษเรียกว่า (Juristic Persons) คือ  บุคคลหรือกลุ่มบุคคลหรือองค์กร หน่วยงาน ซึ่งกฎหมายบัญญัติให้เป็นบุคคลอีกประเภทหนึ่งที่ไม่ใช่ บุคคลธรรมดา แต่มีสิทธิและหน้าที่คล้ายกันกับบุคคลธรรมดา และกำหนดให้นิติบุคคลมีสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมาย (พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542) โดยจะมีสิทธิหน้าที่บางอย่างไม่เหมือนกันกับบุคคลธรรมดา เช่น สิทธิในครอบครอบครัว สิทธิทางการเมือง แต่นิติบุคคลจะสามารถเป็นเจ้าของทรัพย์สินได้ สามารถเป็นโจทก์หรือจำเลยได้ รวมทั้งได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย ฯลฯ ตามที่กฎหมายกำหนด

ทั้งนี้ การจะสร้างหรือก่อตั้งนิติบุคคลเกิดขึ้นได้จำเป็นจะต้องอาศัยอำนาจตามกฎหมายเท่านั้นในการรับรอง เรียกง่าย ๆ ว่าบุคคลธรรมดาจะก่อตั้งขึ้นมาเองไม่ได้ จะต้องทำเรื่องยื่นขอกฎหมายรับรองหรือเรียกว่าเป็นการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล การที่จะตั้งก่อขึ้นโดยไม่มีกฎหมายมารองรับหรือไม่มีกฎหมายให้อำนาจในการจัด ตั้งไว้ไม่ได้ ถือว่านิติบุคคลไม่สมบูรณ์ ไม่มีผลตามกฎหมาย ซึ่งบทบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับนิติบุคคลนี้ก็คือ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา  65 ซึ่งบัญญัติไว้ว่า “นิติบุคคลจะมีขึ้นได้ก็แต่ด้วยอาศัยอำนาจแห่งประมวลกฎหมายนี้หรือกฎหมายอื่น” เท่านั้น ตามที่ได้ระบุไว้

การจดทะเบียนนิติบุคคลคืออะไร

การจดทะเบียนนิติบุคคล หรือเรียกว่าการจดทะเบียนพาณิชย์ คือ การที่บุคคลหรือกลุ่มคนขอกฎหมายรับรองในการจัดตั้งเป็นนิติบุคคลเพื่อการดำเนินงานทางธุรกิจ หรือเรียกได้ว่าเพื่อจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจ ซึ่งการจดทะเบียนนิติบุคคลก็จะมีสถานะเป็นบุคคลธรรมดากับนิติบุคคล

  1. ธุรกิจที่จดทะเบียนเป็นบุคคลธรรมดา

จะเป็นการจดทะเบียนพาณิชย์เพื่อแจ้งให้รับรู้โดยทั่วกันว่าธุรกิจของคุณได้จดทะเบียน และได้เริ่มต้นประกอบกิจการอย่างถูกต้องตามกฎหมาย จะปรากฏชื่ออยู่ในระบบทะเบียนการค้าของประเทศ และแสดงให้เห็นว่าธรุกิจที่กระทำมีหลักแหล่งรวมทั้งสถานที่ตั้งกิจการเพื่อดำเนินงานอย่างชัดเจน กลล่าวถึงเรื่องทางกฎหมาย การทำนิติกรรมสัญญา รวมทั้งการดำเนินการชำระเงินภาษีเงินได้ จะเป็นในนามของตัวบุคคลซึ่งเป็นผู้ประกอบการหรือเป็นเจ้าของกิจการ

ลักษณะนี้เรียกว่าจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจแบบนี้เราเรียกว่า “การจดทะเบียนพาณิชย์” หรือที่มักจะเรียกว่าเป็นการไปจดทะเบียนการค้านั่นเอง ขั้นตอนจะไม่ยุ่งยาก ไม่ซับซ้อน ดำเนินการเพียงไม่กี่ชั่วโมง และมีค่าธรรมเนียมเพียง 50 บาทเท่านั้น หากผู้ประกอบกิจการอยู่ต่างจังหวัดไม่สามารถไปยื่นจดทะเบียนพาณิชย์ในกรุงเทพฯ ได้ ก็จะสามารถขอยื่นจดทะเบียนพาณิชย์ได้ที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดซึ่งตั้งอยู่ที่จังหวัดที่ประกอบกิจการนั้น ๆ ได้เลย อนึ่ง หมายความรวมถึงการจดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ด้วยเช่นกัน

  1. ธุรกิจที่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล

รูปแบบนี้คือการที่เจ้าของกิจการ กลุ่มคนต้องการให้ธุรกิจแยกออกจากการเป็นบุคคลธรรมดาอย่างชัดเจน ไม่ถือว่าเป็นเจ้าของกิจการโดยตรงอย่างรูปแบบแรก จะแยกกันเด็ดขาด ซึ่งจะส่งผลให้เมื่อดำเนินกิจกรมภายใต้ธุรกิจนั้นแล้วก็จะถือว่าเป็นในนามกิจการเองทั้งหมด มิใช่ตัวบุคคลธรรมดา จะมีความแตกต่างกันไม่ว่าจะเป็นเรื่องชำระเงินภาษีเงินได้ การทำนิติกรรมสัญญา ฯลฯ เพราะจะเป็นนามของกิจการทั้งหมดนั่นเอง

ลักษณะนี้จะเป็นจัดตั้งธุรกิจใหม่นาม “นิติบุคคล” ซึ่งจะแบ่งออกได้ 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ

การขอกฎหมายรับรองเพื่อจดทะเบียนนิติบุคคลจะต้องไปยื่นจดทะเบียนบริษัทจำกัดและห้างหุ้นส่วนจำกัด ได้โดยจะต้องกำหนดให้ขึ้นทะเบียนได้ไม่กี่ที่ สำหรับเขตกรุงเทพมหานครสามารถขอยื่นจดทะเบียนธุรกิจซึ่งมีอยู่ 7 สำนักงาน หรือที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้าถนนนนทบุรี 1 อ.เมือง จ.นนทบุรี แต่ถ้าหากอยู่ต่างจังหวัดควรเข้าไปดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ของกรมมพัฒนาธุรกิจการค้า (www.dbd.go.th) เพื่อหาสถานที่ใกล้เคียงที่สะดวกเดินทางไปยื่นเรื่องจดทะเบียนนิติบุคคลได้

กฎหมายนิติบุคคล

นิติบุคคลภาษาอังกฤษ
นิติบุคคลภาษาอังกฤษ

การแบ่งประเภทของนิติบุคคลตามกฎหมาย

เมื่อมีการจัดตั้งเป็นนิติบุคคลแล้วก็จะสามารถแบ่งประเภทตามกฎหมายได้เป็น 2 ประเภทดังต่อไปนี้

  1. นิติบุคคลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ได้แก่
    • ห้างหุ้นส่วนที่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่
    • ห้างหุ้นส่วนสามัญ
    • ห้างหุ้นส่วนจำกัด

1.2) บริษัทจำกัด คือ บริษัทที่ตั้งขึ้นด้วยการแบ่งทุนเป็นหุ้นมีมูลค่าเท่า ๆ กัน และจะต้องมีผู้ถือหุ้นตั้งแต่ 7 คนขึ้นไป โดยผู้ถือหุ้นทุกคน จะต้องรับผิดจำกัดเพียงไม่เกินจำนวนเงินที่ตนยังส่งใช้ไม่ครบมูลค่าของหุ้นที่ตนถือ กล่าวคือถือหุ้นเท่าไรก็จะมีส่วนได้ส่วนเสียในนามกิจการซึ่งเป็นบริษัทจำกัดแต่เพียงเท่านั้น การเป็นบริษัทจำกัดนี้กฎหมายบังคับให้จดทะเบียนเท่านั้น และเมื่อจดทะเบียนแล้วก็จะมีสภาพเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายนั่นเอง

1.3) สมาคม คือ กลุ่มคนหรือการที่บุคคลหลายคนได้ทำการตกลงร่วมกันเพื่อทำการหรือกิจกรรมอันใดอันหนึ่งอันมีลักษณะต่อเนื่องร่วมกัน และโดยมิใช่เป็นการหากำไรหรือรายได้มาแบ่งปันกัน จึงมีลักษณะที่แตกต่างกับบริษัทจำกัดหรือห้างหุ้นส่วนซึ่งจะเป็นการทำธุรกิจเพื่อมุ่งแสวงหาผลกำไร สมาคมที่ได้จดทะเบียนแล้วจะเป็นสถานภาพนิติบุคคลตามกฎหมาย

1.4) มูลนิธิ คือ ทรัพย์สินอันจัดสรรไว้โดยเฉพาะสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการกุศลสาธารณะ เพื่อการศาสนา ศิลปะวิทยาศาสตร์ วรรณคดี การศึกษา หรือเพื่อสาธารณประโยชน์อย่างอื่น โดยจะต้องมิได้มุ่งหมายหาผลประโยชน์มาแบ่งปันกัน และต้องจดทะเบียนให้ถูกต้องตามกฎหมาย และมูลนิธิที่ได้จดทะเบียนแล้วเป็นนิติบุคคลตามกฎหมาย

  1. นิติบุคคลตามกฎหมายลักษณะอื่น คือ

นอกจากนิติบุคคลแบบตามกฎหมายแพ่งและพาณิชย์แล้ว ก็จะมีนิติบุคคลตามกฎหมายที่จะมีกฎหมายกำหนดไว้เป็นกรณีเฉพาะ อาทิเช่น สหกรณ์เป็นนิติบุคคลตามพระราชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ. 2471 ราชบัณฑิตสถานเป็นนิติบุคคลตามพระราชบัญญัติราชบัณฑิตย สถาน พ.ศ. 2485

ทางราชการหรือในส่วนของทบวงการเมือง ก็จะเป็นรูปแบบนิติบุคคลที่มีกฎหมายเฉพาะอีกลักษณะ ได้แก่ กระทรวง ทบวง และกรมในรัฐบาล จังหวัด องค์การบริหารส่วนจังหวัด เทศบาล กรุงเทพมหานคร และเมืองพัทยา วัดวาอาราม เฉพาะวัดที่ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา แต่ไม่รวมถึงสำนักสงฆ์ เป็นต้น

เรื่องภาษีที่ควรรู้..กับกฎหมายภาษีอากรสำหรับธุรกิจ

นับว่าเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องรู้เพราะบุคคลธรรมดาจะมีความแตกต่างกับนิติบุคคลเรื่องของการเสียภาษีด้วยเช่นกัน การหักภาษี การนำส่งภาษี ก็จะไม่เหมือนกัน

  • ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา หมายถึง บุคคลหรือผู้ประกอบกิจการร้านค้าที่จดทะเบียนเป็นทะเบียนพาณิชย์ ต้องยื่นแบบภาษี ภ.ง.ด. 94 ในครึ่งปีแรก และยื่น ภ.ง.ด. 90 อีกครั้งในครึ่งปีหลังแก่กรมสรรพากร
  • ภาษีเงินได้นิติบุคคล หมายถึง กิจการหรือธุรกิจที่จดทะเบียนเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัดและบริษัทจำกัดแล้วตามกฎหมาย ต้องยื่นแบบ ภ.ง.ด. 51 ในปีแรกเพื่อประมาณการรายได้ จากนั้นเมื่อถึงสิ้นปีจะต้องยื่นแบบ ภ.ง.ด. 52 พร้อมทั้งส่งงบดุล และจะต้องมีการตรวจสอบบัญชีของกิจการ

นอกจากภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และภาษีเงินได้นิติบุคคลแล้ว ธุรกิจก็ควรที่จะต้องรู้เรื่องภาษีเพิ่มเติมดังนี้

  • ภาษีมูลค่าเพิ่ม คือ ภาษีมูลค่าเพิ่มจะเสียต่อเมื่อมีรายได้ทั้งปีเกิน 1,800,000 บาทต่อปี หากในกรณีธุรกิจจดทะเบียนพาณิชย์ที่มีรายได้ทั้งปีไม่ถึง 1,800,000 บาทต่อปีนั้นไม่จำเป็นต้องจดภาษีมูลค่าเพิ่มได้ แต่กรณีเป็นธุรกิจที่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล (ห้างหุ้นส่วนจำกัดและบริษัทจำกัด) ตามกฎหมายทุกรายจะต้องมีการจดภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยต้องยื่นคำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (แบบ ภ.พ. 01) เพื่อจะสามารถคำนวนภาษีที่ต้องเสียจากภาษีขายหักภาษีซื้อ
  • การออกใบกำกับภาษี คือ เอกสารที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มต้องทำขึ้นมา และออกให้ผู้ซื้อทุกครั้งมีการขายสินค้าหรือมีการรับเงิน หรือในกรณีที่มีการส่งมอบสินค้า ซึ่งภายในใบกำกับภาษีต้องแสดงมูลค่าของสินค้าหรือบริการ ระบุรายละเอียด และระบุจำนวนภาษีมูลค่าเพิ่มที่จัดเก็บจากผู้ซื้อหรือผู้รับสินค้า วิธีการมอบใบกำกับภาษีจะต้องส่งมอบให้กับผู้ซื้อทันที โดยจะต้องแยกตัวต้นฉบับให้ผู้ซื้อทันทีและผู้ขายเก็บตัวสำเนาไว้เป็นหลักฐาน ซึ่งรูปแบบใบกำกับภาษีมี 2 แบบ คือ ใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบ และใบกำกับภาษีอย่างย่อ

ใครคือผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้นิติบุคคล

ผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้นิติบุคคล
ผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้นิติบุคคล

กล่าวคือ ผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้นิติบุคคลก็คือ “นิติบุคคล” ตามกฎหมายที่ได้กล่าวมาข้างต้นไม่ว่าจะเป็น

  1. บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย ได้แก่บริษัท จำกัด, บริษัทมหาชน จำกัด, ห้างหุ้นส่วนจำกัด, ห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียน
  2. บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศ
  3. กิจการซึ่งดำเนินการเป็นทางค้า หรือหากำไร
  4. กิจการร่วมค้า (Joint Venture) เช่น บริษัทกับบริษัท บริษัทกับห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล บริษัทและหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลกับห้างหุ้นส่วนสามัญ เป็นต้น
  5. มูลนิธิหรือสมาคมที่ประกอบกิจการซึ่งมีรายได้ แต่ไม่รวมถึงมูลนิธิหรือสมาคมที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดให้เป็นองค์การหรือสถานสาธารณกุศล
  6. นิติบุคคลที่อธิบดีกำหนดโดยอนุมัติรัฐมนตรีและประกาศในราชกิจจานุเบกษาให้เป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตามประมวลรัษฎากร

ใครคือนิติบุคคลที่ไม่ต้องเสียภาษีเงินได้

อย่างไรก็ตามจะเห็นได้ว่าประเภทของนิติบุคคลมีด้วยกัน 2 ประเภทตามกฎหมาย คือ 1.           นิติบุคคลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และนิติบุคคลกฎหมายอื่น ทั้งนี้ในส่วนของนิติบุคคลกฎหมายอื่นที่จัดตั้งขึ้นเฉพาะตามกฎหมายไทย เช่น กระทรวง ทบวง กรม สหกรณ์ จะไม่มีหน้าที่ต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลตามกฎหมาย

นอกจากนี้นิติบุคคลที่ไม่ต้องเสียภาษีเงินได้ตามประมวลรัษฎากรซึ่งจะได้รับข้อเว้น ได้แก่

  1. บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตามข้อผูกพันที่ประเทศไทยมีอยู่ตามสัญญาว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจ หรือทางเทคนิคระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลต่างประเทศ
  2. บริษัทจำกัดที่ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้ตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน
  3. บริษัทจำกัดและนิติบุคคลที่มีสภาพเช่นเดียวกับบริษัทจำกัดซึ่งตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยหรือกฎหมายต่าง ประเทศได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลตามพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม
  4. บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่อยู่ในประเทศที่มีอนุสัญญาว่าด้วยการเว้นการเก็บภาษีซ้อนกับประเทศไทย ตามเงื่อนไขที่กำหนดในอนุสัญญา

สรุป

กล่าวได้ว่านิติบุคคลแต่ละประเภทจะมีความแตกต่าง รวมทั้งมีลักษณะและการดำเนินกิจการไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์การดำเนินงานด้วย เช่น ห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทจัดตั้งขึ้นเพื่อดำเนินกิจการและมุ่งหวังผลกำไรมาแบ่งปันกัน ส่วนสมาคมก็จัดตั้งขึ้นเพื่อดำเนินการบางอย่างต่อเนื่องร่วมกันและไม่มีการหาผลกำไรหรือรายได้ อย่างไรก็ตามเมื่อบุคคล กลุ่มบุคคล หรือองค์กรธุรกิจใดที่จัดตั้งขึ้นมีสถานะเป็นนิติบุคคลขึ้นมาแล้ว นั้นหมายถึงเกิดสถานภาพเปลี่ยนเป็นบุคคลลักษณะบุคคลตามกฎหมาย ก็จะต้องอยู่ภายใต้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยเรื่องนิติบุคคล ซึ่งก็จะมีสิทธิและหน้าที่ต่าง ๆ ได้ในนามของนิติบุคคลไม่ว่าจะเป็น เรื่องความคุ้มครองตามกฎหมาย การทำนิติกรรมสัญญา รวมทั้งการดำเนินการชำระเงินภาษีเงินได้ด้วยเช่นกัน

คำคุณศัพท์ beautiful
คำอธิษฐานขอพรสามารถใช้ในการขอความเจริญรุ่งเรือง
จำนวนเฉพาะแต่ละตัวมีตัวหาร
ในประโยค เจ้าหนูจะเดินไปที่สวนสาธารณะ
มีการกำหนดเป้าหมายหรือภารกิจในเกมส์
218500
บทความแนะนำ หมวดหมู่: เศรษฐกิจ
จำนวนคอมเมนต์ของโพสต์ ID 156877: 1549