น้ำมันปลาไม่ควรกินคู่กับอะไรตอนไหน Fish Oil โทษเนื่องได้ไหม?
น้ำมันปลา ไม่ควรกินคู่กับอะไร น้ำมันปลา กินตอนไหน Fish oil โทษ น้ำมันปลา กินต่อเนื่องได้ไหม ไขมันในเลือดสูง กินน้ำมันปลาได้ไหม Fish oil 1000 mg กินวัน
หลายคนคงชงเคยได้ยินคำว่า“นิติบุคคล” กันบ้างแล้ว และเกิดคำถามในใจว่า “นิติบุคคล” นี้คืออะไร ทำไมต้องมี“นิติบุคคล”ขึ้นมาบนโลกใบนี้ แล้วมันไม่เหมือนกับบุคคลธรรมดาอย่างไร อะไรบ้างที่จัดว่าเป็นนิติบุคคล บริษัทคือนิติบุคคลไหม วัดเป็นนิติบุคคลหรือไม่ ห้างหุ้นส่วนสามัญเป็นนิติบุคคลหรือไม่คำถามมากมายเกิดขึ้น ที่สำคัญคือแล้วเราจะรู้จักกับ“นิติบุคคล” ไปทำไมกัน ก็เพราะว่า “นิติบุคคล” นั้นมีกฎหมายที่ให้ความคุ้มครอง ครอบคลุมไม่เหมือนกันกับบุคคลธรรมดา หากเราแยกบุคคลธรรมดาและ“นิติบุคคล” ไม่ได้ จะไม่สามารถทำความเข้าใจสาระสำคัญเรื่องอำนาจและกฎหมายได้นั่นเอง อีกหนึ่งความเข้าใจผิดก็คือ “นิติบุคคลบุคคลธรรมดา” ไม่มีอยู่จริง จะไม่มีการใช้คำนี้ เพราะคนมักจะเอาคำว่า “นิติบุคคล” มารวมกันกับคำว่า “บุคคลธรรมดา” ซึ่งสิทธิหน้าที่ หรือการใช้อำนาจทางกฎหมาย รวมถึงความคุ้มครองบางอย่างก็จะมีความแตกต่างกันออกไป ไม่ได้เหมือนกันแต่อย่างใด
ความหมายของนิติบุคคล นิติบุคคลภาษาอังกฤษเรียกว่า (Juristic Persons) คือ บุคคลหรือกลุ่มบุคคลหรือองค์กร หน่วยงาน ซึ่งกฎหมายบัญญัติให้เป็นบุคคลอีกประเภทหนึ่งที่ไม่ใช่ บุคคลธรรมดา แต่มีสิทธิและหน้าที่คล้ายกันกับบุคคลธรรมดา และกำหนดให้นิติบุคคลมีสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมาย (พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542) โดยจะมีสิทธิหน้าที่บางอย่างไม่เหมือนกันกับบุคคลธรรมดา เช่น สิทธิในครอบครอบครัว สิทธิทางการเมือง แต่นิติบุคคลจะสามารถเป็นเจ้าของทรัพย์สินได้ สามารถเป็นโจทก์หรือจำเลยได้ รวมทั้งได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย ฯลฯ ตามที่กฎหมายกำหนด
ทั้งนี้ การจะสร้างหรือก่อตั้งนิติบุคคลเกิดขึ้นได้จำเป็นจะต้องอาศัยอำนาจตามกฎหมายเท่านั้นในการรับรอง เรียกง่าย ๆ ว่าบุคคลธรรมดาจะก่อตั้งขึ้นมาเองไม่ได้ จะต้องทำเรื่องยื่นขอกฎหมายรับรองหรือเรียกว่าเป็นการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล การที่จะตั้งก่อขึ้นโดยไม่มีกฎหมายมารองรับหรือไม่มีกฎหมายให้อำนาจในการจัด ตั้งไว้ไม่ได้ ถือว่านิติบุคคลไม่สมบูรณ์ ไม่มีผลตามกฎหมาย ซึ่งบทบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับนิติบุคคลนี้ก็คือ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 65 ซึ่งบัญญัติไว้ว่า “นิติบุคคลจะมีขึ้นได้ก็แต่ด้วยอาศัยอำนาจแห่งประมวลกฎหมายนี้หรือกฎหมายอื่น” เท่านั้น ตามที่ได้ระบุไว้
การจดทะเบียนนิติบุคคล หรือเรียกว่าการจดทะเบียนพาณิชย์ คือ การที่บุคคลหรือกลุ่มคนขอกฎหมายรับรองในการจัดตั้งเป็นนิติบุคคลเพื่อการดำเนินงานทางธุรกิจ หรือเรียกได้ว่าเพื่อจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจ ซึ่งการจดทะเบียนนิติบุคคลก็จะมีสถานะเป็นบุคคลธรรมดากับนิติบุคคล
จะเป็นการจดทะเบียนพาณิชย์เพื่อแจ้งให้รับรู้โดยทั่วกันว่าธุรกิจของคุณได้จดทะเบียน และได้เริ่มต้นประกอบกิจการอย่างถูกต้องตามกฎหมาย จะปรากฏชื่ออยู่ในระบบทะเบียนการค้าของประเทศ และแสดงให้เห็นว่าธรุกิจที่กระทำมีหลักแหล่งรวมทั้งสถานที่ตั้งกิจการเพื่อดำเนินงานอย่างชัดเจน กลล่าวถึงเรื่องทางกฎหมาย การทำนิติกรรมสัญญา รวมทั้งการดำเนินการชำระเงินภาษีเงินได้ จะเป็นในนามของตัวบุคคลซึ่งเป็นผู้ประกอบการหรือเป็นเจ้าของกิจการ
ลักษณะนี้เรียกว่าจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจแบบนี้เราเรียกว่า “การจดทะเบียนพาณิชย์” หรือที่มักจะเรียกว่าเป็นการไปจดทะเบียนการค้านั่นเอง ขั้นตอนจะไม่ยุ่งยาก ไม่ซับซ้อน ดำเนินการเพียงไม่กี่ชั่วโมง และมีค่าธรรมเนียมเพียง 50 บาทเท่านั้น หากผู้ประกอบกิจการอยู่ต่างจังหวัดไม่สามารถไปยื่นจดทะเบียนพาณิชย์ในกรุงเทพฯ ได้ ก็จะสามารถขอยื่นจดทะเบียนพาณิชย์ได้ที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดซึ่งตั้งอยู่ที่จังหวัดที่ประกอบกิจการนั้น ๆ ได้เลย อนึ่ง หมายความรวมถึงการจดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ด้วยเช่นกัน
รูปแบบนี้คือการที่เจ้าของกิจการ กลุ่มคนต้องการให้ธุรกิจแยกออกจากการเป็นบุคคลธรรมดาอย่างชัดเจน ไม่ถือว่าเป็นเจ้าของกิจการโดยตรงอย่างรูปแบบแรก จะแยกกันเด็ดขาด ซึ่งจะส่งผลให้เมื่อดำเนินกิจกรมภายใต้ธุรกิจนั้นแล้วก็จะถือว่าเป็นในนามกิจการเองทั้งหมด มิใช่ตัวบุคคลธรรมดา จะมีความแตกต่างกันไม่ว่าจะเป็นเรื่องชำระเงินภาษีเงินได้ การทำนิติกรรมสัญญา ฯลฯ เพราะจะเป็นนามของกิจการทั้งหมดนั่นเอง
การขอกฎหมายรับรองเพื่อจดทะเบียนนิติบุคคลจะต้องไปยื่นจดทะเบียนบริษัทจำกัดและห้างหุ้นส่วนจำกัด ได้โดยจะต้องกำหนดให้ขึ้นทะเบียนได้ไม่กี่ที่ สำหรับเขตกรุงเทพมหานครสามารถขอยื่นจดทะเบียนธุรกิจซึ่งมีอยู่ 7 สำนักงาน หรือที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้าถนนนนทบุรี 1 อ.เมือง จ.นนทบุรี แต่ถ้าหากอยู่ต่างจังหวัดควรเข้าไปดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ของกรมมพัฒนาธุรกิจการค้า (www.dbd.go.th) เพื่อหาสถานที่ใกล้เคียงที่สะดวกเดินทางไปยื่นเรื่องจดทะเบียนนิติบุคคลได้
การแบ่งประเภทของนิติบุคคลตามกฎหมาย
เมื่อมีการจัดตั้งเป็นนิติบุคคลแล้วก็จะสามารถแบ่งประเภทตามกฎหมายได้เป็น 2 ประเภทดังต่อไปนี้
1.2) บริษัทจำกัด คือ บริษัทที่ตั้งขึ้นด้วยการแบ่งทุนเป็นหุ้นมีมูลค่าเท่า ๆ กัน และจะต้องมีผู้ถือหุ้นตั้งแต่ 7 คนขึ้นไป โดยผู้ถือหุ้นทุกคน จะต้องรับผิดจำกัดเพียงไม่เกินจำนวนเงินที่ตนยังส่งใช้ไม่ครบมูลค่าของหุ้นที่ตนถือ กล่าวคือถือหุ้นเท่าไรก็จะมีส่วนได้ส่วนเสียในนามกิจการซึ่งเป็นบริษัทจำกัดแต่เพียงเท่านั้น การเป็นบริษัทจำกัดนี้กฎหมายบังคับให้จดทะเบียนเท่านั้น และเมื่อจดทะเบียนแล้วก็จะมีสภาพเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายนั่นเอง
1.3) สมาคม คือ กลุ่มคนหรือการที่บุคคลหลายคนได้ทำการตกลงร่วมกันเพื่อทำการหรือกิจกรรมอันใดอันหนึ่งอันมีลักษณะต่อเนื่องร่วมกัน และโดยมิใช่เป็นการหากำไรหรือรายได้มาแบ่งปันกัน จึงมีลักษณะที่แตกต่างกับบริษัทจำกัดหรือห้างหุ้นส่วนซึ่งจะเป็นการทำธุรกิจเพื่อมุ่งแสวงหาผลกำไร สมาคมที่ได้จดทะเบียนแล้วจะเป็นสถานภาพนิติบุคคลตามกฎหมาย
1.4) มูลนิธิ คือ ทรัพย์สินอันจัดสรรไว้โดยเฉพาะสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการกุศลสาธารณะ เพื่อการศาสนา ศิลปะวิทยาศาสตร์ วรรณคดี การศึกษา หรือเพื่อสาธารณประโยชน์อย่างอื่น โดยจะต้องมิได้มุ่งหมายหาผลประโยชน์มาแบ่งปันกัน และต้องจดทะเบียนให้ถูกต้องตามกฎหมาย และมูลนิธิที่ได้จดทะเบียนแล้วเป็นนิติบุคคลตามกฎหมาย
นอกจากนิติบุคคลแบบตามกฎหมายแพ่งและพาณิชย์แล้ว ก็จะมีนิติบุคคลตามกฎหมายที่จะมีกฎหมายกำหนดไว้เป็นกรณีเฉพาะ อาทิเช่น สหกรณ์เป็นนิติบุคคลตามพระราชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ. 2471 ราชบัณฑิตสถานเป็นนิติบุคคลตามพระราชบัญญัติราชบัณฑิตย สถาน พ.ศ. 2485
ทางราชการหรือในส่วนของทบวงการเมือง ก็จะเป็นรูปแบบนิติบุคคลที่มีกฎหมายเฉพาะอีกลักษณะ ได้แก่ กระทรวง ทบวง และกรมในรัฐบาล จังหวัด องค์การบริหารส่วนจังหวัด เทศบาล กรุงเทพมหานคร และเมืองพัทยา วัดวาอาราม เฉพาะวัดที่ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา แต่ไม่รวมถึงสำนักสงฆ์ เป็นต้น
นับว่าเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องรู้เพราะบุคคลธรรมดาจะมีความแตกต่างกับนิติบุคคลเรื่องของการเสียภาษีด้วยเช่นกัน การหักภาษี การนำส่งภาษี ก็จะไม่เหมือนกัน
นอกจากภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และภาษีเงินได้นิติบุคคลแล้ว ธุรกิจก็ควรที่จะต้องรู้เรื่องภาษีเพิ่มเติมดังนี้
กล่าวคือ ผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้นิติบุคคลก็คือ “นิติบุคคล” ตามกฎหมายที่ได้กล่าวมาข้างต้นไม่ว่าจะเป็น
อย่างไรก็ตามจะเห็นได้ว่าประเภทของนิติบุคคลมีด้วยกัน 2 ประเภทตามกฎหมาย คือ 1. นิติบุคคลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และนิติบุคคลกฎหมายอื่น ทั้งนี้ในส่วนของนิติบุคคลกฎหมายอื่นที่จัดตั้งขึ้นเฉพาะตามกฎหมายไทย เช่น กระทรวง ทบวง กรม สหกรณ์ จะไม่มีหน้าที่ต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลตามกฎหมาย
นอกจากนี้นิติบุคคลที่ไม่ต้องเสียภาษีเงินได้ตามประมวลรัษฎากรซึ่งจะได้รับข้อเว้น ได้แก่
กล่าวได้ว่านิติบุคคลแต่ละประเภทจะมีความแตกต่าง รวมทั้งมีลักษณะและการดำเนินกิจการไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์การดำเนินงานด้วย เช่น ห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทจัดตั้งขึ้นเพื่อดำเนินกิจการและมุ่งหวังผลกำไรมาแบ่งปันกัน ส่วนสมาคมก็จัดตั้งขึ้นเพื่อดำเนินการบางอย่างต่อเนื่องร่วมกันและไม่มีการหาผลกำไรหรือรายได้ อย่างไรก็ตามเมื่อบุคคล กลุ่มบุคคล หรือองค์กรธุรกิจใดที่จัดตั้งขึ้นมีสถานะเป็นนิติบุคคลขึ้นมาแล้ว นั้นหมายถึงเกิดสถานภาพเปลี่ยนเป็นบุคคลลักษณะบุคคลตามกฎหมาย ก็จะต้องอยู่ภายใต้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยเรื่องนิติบุคคล ซึ่งก็จะมีสิทธิและหน้าที่ต่าง ๆ ได้ในนามของนิติบุคคลไม่ว่าจะเป็น เรื่องความคุ้มครองตามกฎหมาย การทำนิติกรรมสัญญา รวมทั้งการดำเนินการชำระเงินภาษีเงินได้ด้วยเช่นกัน