โดยVerb infinitive คือ กริยา Verb ที่เป็นรูปธรรมดาช่อง 1 ซึ่งจะไม่ผัน ไม่เติม ไม่มีการเปลี่ยนรูป (ให้สังเกตว่ากริยาที่ต่อท้าย Modal-verb ทุกตัว ต้องไม่เติม –ing, -ed, ไม่เติม to, หรือ ไม่เติม s/es) ซึ่งหลายคนอาจจะสับสนว่า จะต้องมีการใส่ to ระหว่างคำกริยาทั้งหมดก่อน เพราะจะกลายเป็นกริยาซ้อนกัน แต่สำหรับการใช้กริยาช่วยอย่าง Modal-Verbs คือ shall, should, will, would, can, could, may, might และ must สามารถตามด้วยกริยาแท้ได้เลยทันที และกริยาที่มาต่อจะต้องไม่มีการเปลี่ยนรูปแต่อย่างใด เช่น เป็น I can go ไม่ใช่ I can to go หรือ He should sleep ไม่ใช่ He should to sleep แต่หากจะเป็นการใช้กริยาช่วยตามด้วยกริยาแท้ 2 ตัว จะต้องมี to เพื่อเชื่อม เช่น He should go to sleep เพราะ Should เป็น Modal-Verbs หรือกริยาช่วย สามารถตามด้วยกริยาแท้ได้ตัวเดียว โดยที่ go และ Sleep เป็นกริยาแท้ทั้งคู่ที่มาด้วยกันจึงต้องมี to เพื่อคั่นกลางนั้นเอง
การขึ้นต้นคำถามเพียงแค่นำกริยาช่วยอย่าง Modal-Verbs คือ shall, should, will, would, can, could, may, might และ must ไปใส่ไว้คำขึ้นต้น ก็จะทำหน้าประโยคบอกเล่ากลายเป็นประโยคคำถามทันที โดยที่ไม่ต้องมีการใช้กริยา Do, Does เข้ามาช่วยแต่อย่างใด ซึ่งการใช้ Do, Dose จะเป็นการถามตอบว่า ใช่, ไม่ใช่ แต่กริยาช่วยจะทำให้ประโยคชัดเจนได้ เพราะความหมายของกริยาช่วยนั้นเอง ทั้งนี้ต้องดูที่รูปประโยคเป็นสำคัญด้วยเช่นกัน
สำหรับประโยคปฏิเสธสามารถใช้ not กับกริยาช่วยอย่าง Modal-Verbs ได้เลยทันที ไม่ต้องมีการนำnot มาขยายเพิ่มเติม เพราะบางคนอาจจะสับสนไปเอา don’t หรือ doesn’t มาขยายกริยาช่วยอย่าง Modal-Verbs อีกที จึงทำให้ผิดหลักไวยากรณ์ เพราะมีความซับซ้อนและไม่เข้าใจ เช่น ประโยคที่ถูกเมื่อเป็นปฏิเสธ She can’t open the window แต่ใช้ผิดเป็นเอา do หรือ does มาทำเป็นรูปปฏิเสธแทน กลายเป็น She doesn’t can open the window นั้นเอง
ดังนั้น ให้สังเกตให้ดีกับรูปประโยคลักษณะนี้ทำให้คนผิดไวยากรณ์ค่อนข้างบ่อย โดยที่ can เป็นกริยาช่วยสามารถเปลี่ยนประโยคปฏิเสธได้เองเลย ส่วน open เป็น verb แท้ ไม่สามารถเติม not ที่กริยาแท้ได้ เพราะการเปลี่ยนรูปปฏิเสธจะต้องเปลี่ยนที่กริยาช่วยหรือกริยาตัวอื่นอย่าง do, does เท่านั้น ซึ่งหากในประโยคนี้ไม่มีเรื่องการใช้กริยาช่วย Modal-Verbs อย่าง can รูปประโยคก็จะกลายเป็นไปผันตาม Tense และสามารถเปลี่ยนมาใช้รูปกริยาปฏิเสธจาก do, does ได้ โดยจะขึ้นอยู่กับความหมายเป็นสำคัญ เช่น She doesn’t open the window ก็จะเปลี่ยนความหมายไปเลยจาก เธอไม่สามารถเปิดหน้าต่าง เป็น เธอไม่เปิดหน้าต่าง หมายถึงเธอเลือกจะไม่เปิดไม่ใช่ว่าเปิดไม่ได้นั้นเอง
กริยาช่วยอย่าง Modal-Verbs เปลี่ยนรูปเป็นปฏิเสธ โดยเติม not เข้าไป และสามารถเขียนย่อได้แก่ shall – shan’t, should – shouldn’t, will – won’t, would – wouldn’t, can – can’t , could – couldn’t , may – mayn’t , might – mightn’t, must – mustn’t
ทั้งนี้ คำว่า have to ก็ถือเป็นกริยาช่วยอย่าง Modal-Verbs ด้วยเช่นกัน โดยคำว่า have to หรือ has to จะแปลว่า “ต้อง” ไม่ได้แปลว่า มี หรือ กิน สามารถทำเป็นรูปปฏิเสธได้ คือ การใช้ do, dose มาช่วยทำปฏิเสธแทน เพราะ have to หรือ has to ในส่วนของกริยาช่วยที่แปลว่า ต้อง ถือเป็นกลุ่มคำเฉพาะ ได้แก่ have to – don’t have to และ has to – doesn’t has to
คำค้น : คือ มีอะไรบ้าง สรุป exercise การ ใช้ worksheet มี อะไร บ้าง what is a what is คือ อะไร examples สรุป pdf mind map 24 ตัว ข้อสอบ พร้อม เฉลย ตัวอย่าง ประโยค exercise พร้อมเฉลย pdf แบบฝึกหัด ม.3 พร้อมเฉลย how to use ability of ability ppt must have to meaning must need possibility need of necessity function of มีกี่ตัว functions past should have to การใช้ offer example of permission worksheet with answers sentences is types of โครงสร้าง of deduction คือ type of list
การใช้ how long ใน present perfect ตัวอย่างประโยค how far ประโยคคําถาม how long past simple ถาม how long ตอบยังไง how far ใช้อย่างไร ยาวแค่ไหน ภาษาอังกฤษ how far แปลว่า ความสูง ภาษาอังกฤษ ใกล้ฉัน ออนไลน์