Present Simple Tense
Present Simple Tense คือ โครงสร้างประโยคปัจจุบัน แบบพื้นฐานง่ายๆ ใช้บอกกล่าวถึงเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น
โครงสร้าง Present Simple Tense
Present simple tense โครงสร้างประโยค มีโครงสร้างที่เรียบง่าย โดยสิ่งสำคัญหลักอย่างหนึ่งคือการใช้คำกริยาช่อง 1 แต่ก็มีความซับซ้อนเล็กน้อย ตรงที่จะมีการใช้คำกริยารูป s/es ด้วย โดยจะมีหลักการ คือ
Present simple ตัวอย่างประโยค
ถ้าประธานเป็นพหูพจน์ ( เช่น we, they, boys, teachers, dogs, books ) หรือเป็นเอกพจน์บุรุษที่ 1 และ 2 ( I และ you) เราจะต้องใช้คำกริยารูปปกติ ( เช่น go, come, eat, drink, walks )
ถ้าประธานเป็นเอกพจน์บุรุษที่ 3 (เช่น he, she, it, boy, teacher, cat, pen) เราจะต้องใช้คำกริยารูปที่เติม s/es (เช่น goes, comes, eats)
รูปประโยคของ Present Simple Tense เพื่อบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ มีรูปแบบดังต่อไปนี้
Present Simple Tense ประโยคบอกเล่า
โครงสร้างของประโยคบอกเล่า : Subject + Verb.1 + ( Object/Complement ) ตัวอย่างประโยคบอกเล่า เช่น
I love my dog. ( ฉันรักสุนัข )
He plays tennis very well. ( เขาเล่นเทนนิสเก่งมาก )
She goes to theater every week. ( เธอไปโรงหนังทุกสัปดาห์ )
They enjoy playing guitar. ( พวกเขาสนุกกับการเล่นกีตาร์ )
ประโยคบอกเล่า present simple
ความรู้เพิ่มเติม : หลักการเติม s,es คือ คำกริยาที่ลงท้ายด้วย ch, o, s, ss, sh, x ให้เติม es เมื่อประธานของประโยคเป็นเอกพจน์ (He, She, It) เช่น
She goes to see a movie. ( เธอไปดูหนัง )
He washes his car. ( เขาล้างรถ )
It makes me happy. ( มันทำให้ฉันมีความสุข )
Present Simple Tense ประโยคคำถาม
การใช้ present simple tense ในประโยคคำถาม จะมีโครงสร้างหลักๆ 2 แบบ คือ
ประโยคที่ใช้ verb to be เป็นคำกริยาหลัก ถ้าประโยคมี verb to be ( is, am, are ) เป็นคำกริยาหลัก จะขึ้นต้นประโยคด้วย verb to be โครงสร้างของประโยคคำถาม : Verb to be + subject + (object /complement)? ตัวอย่างประโยคคำถาม เช่น
Is he play football?
( เขาเล่นฟุตบอลหรือเปล่า )
ประโยคบอกเล่า : He is plays football.
Am I right?
( ฉันถูกหรือเปล่า )
ประโยคบอกเล่า : I am right.
Are they swimmer?
( พวกเขาเป็นนักว่ายน้ำหรือเปล่า )
ประโยคบอกเล่า : They are swimmer.
ประโยคที่ไม่ได้ใช้ verb to be เป็นคำกริยาหลัก
ถ้าประโยคมีคำกริยาหลักเป็นคำกริยาอื่นที่ไม่ใช่ verb to be จะขึ้นต้นประโยคด้วย do/does แล้วคงคำกริยาหลักไว้หลังประธาน เหมือนประโยคบอกเล่าโครงสร้างของประโยคคำถาม : Do/Does + subject + verb 1 + ( object/complement )? ตัวอย่างประโยคคำถาม เช่น
Do they play piano?
( พวกเขาเล่นเปียโนหรือเปล่า )
ประโยคบอกเล่า : They play piano
Do they go to school yesterday?
( พวกเขาได้ไปโรงเรียนเมื่อวานหรือเปล่า )
ประโยคบอกเล่า : They go to school yesterday.
Does she play volley ball?
( เธอเล่นวอลเลย์บอล มั้ย )
ประโยคบอกเล่า : She plays volley ball.
ประโยคคำถาม present simple
Present Simple Tense ประโยคปฏิเสธ
การใช้ Present Simple Tense ในประโยคปฏิเสธ จะมีโครงสร้างหลักๆ 2 แบบ คือ ประโยคที่ใช้ verb to be เป็นคำกริยาหลัก ถ้าประโยคมี verb to be ( is, am, are ) เป็นคำกริยาหลัก สามารถใช้ not หลัง verb to be ได้เลย โดยเขียน is not ย่อเป็น isn’t และ are not ย่อเป็น aren’t ได้ แต่สำหรับ am not จะไม่ใช้รูปย่อ โครงสร้างประโยคปฏิเสธ : Subject + verb to be + not + ( object/complement ) ตัวอย่างประโยคปฏิเสธ เช่น
She isn’t a teacher.
( เธอไม่ใช่คุณครู )
ประโยคบอกเล่า : She is a teacher.
They aren’t my friends.
( พวกเขาไม่ใช่เพื่อนของฉัน )
ประโยคบอกเล่า : They are my friends.
ประโยคที่ไม่ได้ใช้ verb to be เป็นคำกริยาหลัก
ถ้าประโยคมี คำกริยาหลักที่ไม่ใช่ verb to be เราจะใช้ do/does + not ไว้หน้าคำกริยาหลัก โดยเราสามารถเขียน do not ย่อเป็น don’t และ does not ย่อเป็น doesn’t โครงสร้างประโยคปฏิเสธ : Subject + do/does + not + verb 1 + ( object/complement ) ตัวอย่างประโยคปฏิเสธ เช่น
He doesn’t play guitar.
( เขาไม่ได้เล่นกีตาร์ )
ประโยคบอกเล่า : He plays the guitar.
They don’t like to eat vegetable.
( พวกเขาไม่ชอบกินผัก )
ประโยคบอกเล่า : They like to eat vegetable.
ลักษณะการใช้ Present Simple Tense เพื่อใช้พูดถึงเหตุการณ์ในปัจจุบัน มีลักษณะต่าง ๆ ดังนี้
ใช้เพื่อพูดถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน อดีต หรือความเป็นจริงของธรรมชาติ เช่น
Rice is staple food of Thailand. ( ข้าวเป็นอาหารจานหลักของเมืองไทย )
Thailand is located in Southeast Asia. ( ประเทศไทยตั้งอยู่ที่ทวีปตะวันออกเชียงใต้ )
ใช้เพื่อพูดถึงเหตุการณ์ นิสัย หรือการกระทำที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกวัน เช่น
I drink milk every night. ( ฉันดื่มนมทุกคืน )
I read books every day. ( ฉันอ่านหนังสือทุกวัน )
ใช้เพื่อพูดบอกทิศทาง เวลา หรือคำแนะนำ
This class starts at 8 o’clock. ( วิชานี้เริ่มตอน 8 โมง )
You go straight along the road and turn left at the conner. ( คุณตรงไปตามถนนแล้วเลี้ยวซ้ายตรงหัวมุม )
ประโยคปฏิเสธ present simple
คำบอกเวลากับ Present Simple Tense
Present Simple Tense จะถูกใช้เมื่อกล่าวถึงสิ่งที่เป็นกิจวัตรประจำวัน ซึ่งเรามักจะเห็นคำบอกเวลาในเชิงความถี่ ( Adverbs of Frequency ) ในประโยคบ่อยๆ ได้แก่
Adverbs of Frequency
คำบอกเวลา
Always
สม่ำเสมอ, เป็นประจำ
Usually
มักจะ
Normally
โดยปกติ
Generally
โดยปกติ
Usually
โดยปกติ
Frequently
บ่อย ๆ
Often
บ่อย ๆ
Occasionally
เป็นครั้งคราว
Hardly
แทบจะไม่เคย
Never
ไม่เคย
Rarely
แทบจะไม่เคย
Seldom
นาน ๆ ครั้ง
Sometimes
บางครั้ง
ตัวอย่างประโยคก็อย่างเช่น
adverbs of frequency คือ
He always goes to the gym. ( เขาไปที่โรงยิมเป็นประจำ )
She never drinks alcohol. ( เธอไม่เคยดื่มแอลกอฮอล์ )
I usually watch a movie after finish homework. ( ฉันมักจะดูหนังหลังจากทำการบ้านเสร็จ )
My mom drives me to school sometimes. ( แม่ของฉันขับรถไปส่งที่โรงเรียนบางครั้ง )
Lisa often exercises after works. ( ลิซ่ามักจะออกกำลังกาย หลังเลิกงาน )
บทความแนะนำ หมวดหมู่: วัยรุ่น
จำนวนคอมเมนต์ของโพสต์ ID 174690: 414