cvv

3 CVV เลขหลังบัตร รหัสป้องกันใช้สำหรับทำอะไร?

cvv คือ

เลข 3 หลักที่อยู่หลังบัตร ซึ่งเป็นรหัสเพื่อการยืนยันตัวตนในการชำระเงินออนไลน์

วิธีป้องกันบัตรเครดิต-เดบิต ถูกขโมยไปใช้ ปลอดภัยจากมิจฉาชีพ

  1. อย่าปล่อยให้บัตรคลาดสายตา เพื่อป้องกันการถูกขโมยข้อมูลบนบัตร หรือถูกนำบัตรไปรูดซื้อสินค้าอื่นๆ จึงควรสังเกตบัตรของตนเองอยู่เสมอเวลายื่นให้พนักงานตอนจ่ายเงิน
  2. ตั้งรหัสให้เดายาก แนะนำว่าไม่ควรตั้งรหัสเป็นเลขซ้ำกัน เช่น 1111 หรือเลขเรียงกัน เช่น 1234, 6789 หรือเป็นเลขที่เกี่ยวข้องกับตัวเองจนคนร้ายเดาได้ง่าย เช่น เลขวันเกิด หรือบัตรประชาชน เป็นต้น
  3. ใช้บัตรกับร้านค้าที่น่าเชื่อถือเท่านั้น การซื้อของผ่านบัตรสิ่งสำคัญเลยคือต้องเลือกร้านที่น่าเชื่อถือมากกว่าปกติ เพราะมีโอกาสถูกโกงได้ง่าย ๆ โดยเฉพาะถ้าเป็นการซื้อของออนไลน์ยิ่งควรเลือกร้านที่น่าเชื่อถือไว้ใจได้เท่านั้น หรือเป็นร้านที่มีหน้าร้านชัดเจนก็จะปลอดภัยมากกว่า
  4. เปิดใช้งานแจ้งเตือนผ่าน SMS เพื่อให้เรารู้ถึงความเคลื่อนไหวเมื่อมีการใช้บัตร และจะทำให้เรารู้ด้วยหากมีคนแอบนำบัตรของเราไปใช้
  5. ตรวจสอบยอดใช้จ่ายอยู่เสมอ ต้องคอยเช็กการใช้จ่ายอยู่เสมอว่าตรงกับราคาสินค้าที่เราจ่ายไปจริง ๆ ไหม ทั้งก่อนเซ็นเซลล์สลิป และหลังจากใช้จ่ายไปแล้วในใบแจ้งบัญชีประจำเดือน
  6. ปิดรหัสเลข 3 หลัก C V V ไว้ รหัส C V V คือเลข 3 หลักที่อยู่หลังบัตร ซึ่งเป็นรหัสเพื่อการยืนยันตัวตนในการชำระเงินออนไลน์ และหากมิจฉาชีพได้รหัสนี้ไป ก็มีโอกาสที่จะนำไปซื้อสินค้าได้ง่าย ๆ โดยเราสามารถป้องกันได้ ด้วยการจดจำตัวเลขหรือจดบันทึกรหัสไว้ในที่ปลอดภัย แล้วขูดรหัส C V V ด้านหลังบัตรทิ้ง หรืออาจจะใช้วิธีติดสติ๊กเกอร์ปิดรหัส C V V ไว้ ก็ได้เช่นกัน
  7. ใช้กระเป๋าป้องกัน RFID ลองสังเกตบัตรเดบิต-บัตรเครดิตของตัวเองดูดี ๆ ว่าเป็นบัตรประเภท Visa Paywave ที่ใช้แตะจ่ายผ่านเครื่องได้หรือเปล่า เพราะหากเป็นแบบนั้นแล้ว ก็มีโอกาสที่เหล่ามิจฉาชีพจะนำเครื่องที่ชื่อว่า RFID Scanners แอบมาแตะบัตรของเราเพื่อขโมยข้อมูลไปอย่างรวดเร็ว แต่อย่างไรก็ดี เราสามารถป้องกันได้ด้วยการหาซื้อกระเป๋าป้องกัน RFID มาใช้งาน ซึ่งมีหน้าตาเหมือนกับกระเป๋าสตางค์ทั่วๆ ไปเลย
  8. อย่าบอกข้อมูลบัตรกับคนอื่น เพราะเป็นเหมือนการเปิดช่องโหว่ให้มิจฉาชีพเข้ามาขโมยบัตรของเราไปใช้ได้ง่าย ๆ เลย ซึ่งรวมถึงการกรอกข้อมูลต่าง ๆ บนเว็บไซต์ด้วย
  9. หากพบความผิดปกติติดต่อธนาคารทันที หากบัตรของเราสูญหาย หรือมียอดใช้จ่ายที่ผิดปกติ สิ่งแรกที่ต้องทำเลยก็คือ การแจ้งธนาคารผู้ออกบัตรทันทีเพื่อทำการอายัดบัตร หลังจากนั้นควรรีบไปแจ้งความที่สถานีตำรวจด้วย เพื่อจะได้ติดตามและป้องกันความเสียหายได้ทันท่วงที
  10. สมัคร Verified by Visa, MasterCard Secure Code หรือ JCB J/Secure เป็นบริการที่ผู้ออกบัตรร่วมกับ Visa, MasterCard และ JCB พัฒนาขึ้น เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการชำระค่าสินค้าด้วยบัตรเครดิต โดยจะให้เราใช้งานบัตรด้วยรหัสผ่าน (Password) และข้อความยืนยันส่วนตัว (Personal Assurance Message: PAM) เท่านั้น ซึ่งหมายความว่า แม้จะมีคนขโมยบัตร หรือจำเลขบัตรของเราไป ก็จะไม่สามารถนำไปใช้จ่ายออนไลน์ได้นั่นเอง

ที่มา:เฟสกองปราบ

อ่านบทความทั้งหมด >>> pangpond.com