meditation scaled

5 ข้อ สมาธิคลายเครียดหายใจ ข้อควรระวังมีอะไรโคตรเจ๋ง?

การใช้เทคนิคการสมาธิและการผ่อนคลายในการลดความเครียด

การสมาธิและการผ่อนคลายเป็นเทคนิคที่มีประโยชน์ในการลดความเครียดและสร้างความสงบให้กับจิตใจและร่างกายของเรา ด้านล่างนี้เป็นขั้นตอนง่ายๆ เพื่อใช้เทคนิคการสมาธิและการผ่อนคลายเพื่อลดความเครียด

  1. หาที่สบายๆ ค้นหาสถานที่ที่เงียบสงบและสบายใจเพื่อที่จะปฏิบัติการสมาธิและการผ่อนคลาย อาจเป็นห้องนั่งเล่นหรือสวน คุณอาจจะต้องปิดประตูหรือใช้หูฟังเพื่อลดเสียงรบกวนจากภายนอก

  2. ควบคุมการหายใจ เริ่มต้นโดยการหาสติในการหายใจ ให้ลึกๆ และช้าๆ สามารถนับจำนวนเวลาที่ใช้ในการหายใจ เช่น หายใจเข้าครั้งแรกนับเป็น 1, ครั้งถัดไปเป็น 2 และเรื่อยๆ ให้นับไปจนถึง 10 หลังจากนั้นเริ่มนับถอยหลังมาจนถึง 1 และเริ่มใหม่อีกครั้ง

  3. สังเกตร่างกาย เมื่อคุณทำการสมาธิและการผ่อนคลาย สังเกตร่างกายของคุณว่ามีการคลายความตึงเครียดในส่วนใด อาจเป็นไหล่ แขน หรือบริเวณใดๆ บนร่างกาย ลองใช้ความจำเพื่อระลึกถึงความรู้สึกของคุณในขณะที่คลายความตึงเครียด

  4. การโฟกัส เลือกจุดหนึ่งบนร่างกายหรือจุดที่คุณรู้สึกคลายความตึงเครียดมากที่สุด เช่น จุดระหว่างคิ้วหรือจุดระหว่างนิ้วโป้งและนิ้วชี้ ใช้เวลาสักพักในการโฟกัสในจุดนั้น และรู้สึกถึงความผ่อนคลายที่เกิดขึ้น

  5. การแนวนอนหรือนั่ง คุณสามารถทำเทคนิคการสมาธิและการผ่อนคลายได้ในท่าที่นั่งหรือท่าที่นอน แต่ในระหว่างการทำการสมาธิ อาจมีโอกาสที่คุณจะหลับตาได้ เพราะฉะนั้นอาจจำเป็นต้องนั่งสั้นๆ เพื่อให้รู้สึกตื่นตัวและสามารถควบคุมสติได้

  6. รักษาความสม่ำเสมอ เพื่อให้การสมาธิและการผ่อนคลายเป็นประโยชน์สูงสุด ควรซ้อมโดยสม่ำเสมอ อาจเป็นการซ้อมทุกวันหรือทุกสัปดาห์ โดยเลือกเวลาที่เหมาะสมและสบายใจสำหรับคุณ

เทคนิคการสมาธิและการผ่อนคลายเหล่านี้สามารถช่วยให้คุณลดความเครียด กรุณาทราบว่าหากความเครียดที่คุณรับประทานอยู่ในระดับที่รุนแรงหรือเกิดจากสถานการณ์ฉุกเฉิน ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญทางด้านสุขภาพจิตเพื่อขอคำปรึกษาเพิ่มเติม

สมาธิคลายเครียด

การสมาธิเป็นเทคนิคที่มีประโยชน์ในการคลายเครียดและสร้างความสงบให้กับจิตใจ ด้านล่างนี้เป็นขั้นตอนเพื่อใช้เทคนิคการสมาธิเพื่อคลายเครียด

  1. เตรียมพื้นที่ ค้นหาสถานที่ที่เงียบสงบและไม่มีสิ่งรบกวน เช่น ห้องนั่งเล่นหรือสวน คุณอาจจะต้องปิดประตูหรือใช้หูฟังเพื่อลดเสียงรบกวนจากภายนอก

  2. นั่งในท่าที่สบาย นั่งในท่าที่สบาย สามารถเลือกท่าที่นั่งที่คุณรู้สึกสบาย เช่น นั่งตรง หรือนั่งกางเท้า

  3. โฟกัสที่จุดหนึ่ง เลือกจุดบนร่างกายหรือจุดที่คุณรู้สึกคลายความตึงเครียดมากที่สุด เช่น จุดระหว่างคิ้วหรือจุดระหว่างนิ้วโป้งและนิ้วชี้ โฟกัสที่จุดนั้นและรู้สึกถึงความผ่อนคลายที่เกิดขึ้น

  4. สังเกตร่างกายและหายใจ เน้นการสังเกตร่างกายและหายใจของคุณ รู้สึกถึงความตึงเครียดหรือความผ่อนคลายที่เกิดขึ้นในร่างกายและการหายใจ อย่าลงตัวกับความรู้สึก แต่แค่สังเกตและยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น

  5. ให้สัตว์ในใจของคุณเคลือบคลาน เมื่อคุณรู้สึกความผ่อนคลาย คลายอารมณ์เครียดของคุณลงในสัตว์ในใจ เช่น คลานเข้าไปในรูปของสัตว์หรือสิ่งที่ทำให้คุณรู้สึกสงบและปลอดภัย เช่น ภาพพวกเต่าหรือบรรยากาศที่ร่มเย็น

  6. คลายความสม่ำเสมอ ซ้อมการสมาธิเป็นประจำเพื่อให้คุณสามารถควบคุมสมาธิและคลายความตึงเครียดได้ง่ายขึ้น พยายามฝึกเป็นประจำทุกวันหรือทุกสัปดาห์ในเวลาที่เหมาะสมและสบายใจสำหรับคุณ

การสมาธิเป็นเทคนิคที่สามารถช่วยให้คุณคลายความเครียด แต่หากความเครียดที่คุณรับประทานอยู่ในระดับที่รุนแรงหรือเกิดจากสถานการณ์ฉุกเฉิน ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญทางด้านสุขภาพจิตเพื่อขอคำปรึกษาเพิ่มเติม

การหายใจ สมาธิ

การหายใจและการสมาธิเป็นเทคนิคที่มีประโยชน์ในการคลายความเครียดและสร้างความสงบให้กับจิตใจ ด้านล่างนี้เป็นขั้นตอนเพื่อใช้เทคนิคการหายใจและการสมาธิ

การหายใจ

  1. ทราบลมหายใจ หาสถานที่ที่เงียบสงบและสบายใจ เตรียมพื้นที่ที่เหมาะสมสำหรับการนั่งหรือนอน ระวังให้ร่างกายมีระดับความสะอาดและมีอากาศถ่ายเท

  2. นั่งหรือนอนในท่าที่สบาย เลือกท่าที่คุณรู้สึกสบายเมื่อหายใจ สามารถนั่งตรงหรือนอนเหยียดตัวก็ได้ ขณะที่เริ่มการหายใจ ให้ร่างกายอยู่ในท่าที่สบาย ไม่ต้องบังคับให้แขนหรือขาต้องอยู่ในท่าใดท่าหนึ่ง

  3. สังเกตการหายใจ เริ่มต้นสังเกตการหายใจของคุณ ไม่ต้องเป็นไปตามแบบแผนใดๆ เพียงแค่สังเกตว่าหายใจเข้าออกอย่างไร อาจจะรู้สึกถึงลมหายใจที่ผ่านผ่านจมูกหรือปาก หรือรู้สึกถึงการขยับของท้อง

  4. ลึกๆ และช้าๆ เน้นการหายใจลึกๆ และช้าๆ ลองหายใจเข้าโดยใช้จมูก ค้างสักพัก แล้วหายใจออกเป็นทางปาก หรือหายใจเข้า-ออกทางจมูก

  5. รักษาความสม่ำเสมอ เพื่อให้การหายใจเป็นประโยชน์สูงสุด ควรซ้อมโดยสม่ำเสมอ อาจเป็นการซ้อมทุกวันหรือทุกสัปดาห์ โดยเลือกเวลาที่เหมาะสมและสบายใจสำหรับคุณ

การสมาธิ

  1. นั่งในท่าที่สบาย นั่งในท่าที่สบาย สามารถเลือกท่าที่นั่งที่คุณรู้สึกสบาย เช่น นั่งตรง หรือนั่งกางเท้า สามารถใช้เบาะหรือพื้นหรือผ้าห่มเพื่อสะท้อนความสบายได้

  2. โฟกัสที่จุดหนึ่ง เลือกจุดบนร่างกายหรือจุดที่คุณรู้สึกคลายความตึงเครียดมากที่สุด เช่น จุดระหว่างคิ้วหรือจุดระหว่างนิ้วโป้งและนิ้วชี้ โฟกัสที่จุดนั้นและรู้สึกถึงความผ่อนคลายที่เกิดขึ้น

  3. สังเกตร่างกายและสติ เน้นการสังเกตร่างกายและสติของคุณ สังเกตความรู้สึก ความตึงเครียด หรือความผ่อนคลายที่เกิดขึ้น อย่าพยายามเปลี่ยนแปลงหรือปรับเปลี่ยนสิ่งใด แต่เพียงแค่สังเกตและยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น

การหายใจและการสมาธิเป็นเทคนิคที่สามารถช่วยให้คุณคลายความเครียด กรุณาทราบว่าหากความเครียดที่คุณรับประทานอยู่ในระดับที่รุนแรงหรือเกิดจากสถานการณ์ฉุกเฉิน ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญทางด้านสุขภาพจิตเพื่อขอคำปรึกษาเพิ่มเติม

ฝึกหายใจคลายเครียด กรมสุขภาพจิต

การฝึกหายใจเพื่อคลายเครียดเป็นเทคนิคที่ใช้ได้มากในการบรรเทาความเครียดและสร้างความสงบให้กับจิตใจ กรมสุขภาพจิตของประเทศไทยได้แนะนำเทคนิคการหายใจคลายเครียดที่เรียกว่า “หายใจด้วยปากและจมูก” ดังนี้

  1. หาสถานที่ที่เงียบสงบและไม่มีสิ่งรบกวน นั่งหรือนอนในท่าที่สบาย ระวังให้ร่างกายมีระดับความสะอาดและมีอากาศถ่ายเท

  2. ใช้เทคนิคการหายใจ “หายใจด้วยปากและจมูก”

    • ในท่านั่งหรือท่านอน หากปิดตาให้เปิดให้โล่ง จัดร่างกายให้อยู่ในท่าที่สบายและผ่อนคลาย
    • เริ่มการหายใจโดยการหายใจเข้าทางจมูกเป็นเวลา 4 วินาที ค้างสักครู่ แล้วหายใจออกทางปากเป็นเวลา 6 วินาที
    • ทำซ้ำขั้นตอนนี้เป็นรอบๆ หากต้องการเวลายาวขึ้น สามารถเพิ่มเวลาการหายใจเข้าและออกได้ เช่น หายใจเข้า 6 วินาที ค้างสักครู่ หายใจออก 8 วินาที
  3. สังเกตร่างกายและจิตใจของคุณ สังเกตความผ่อนคลายที่เกิดขึ้นในร่างกาย รับรู้ความสงบและความผ่อนคลายที่เกิดขึ้นในจิตใจ

  4. ฝึกซ้อมเป็นประจำ เพื่อให้การฝึกหายใจเป็นประโยชน์สูงสุด ควรซ้อมโดยสม่ำเสมอ อาจเป็นการซ้อมทุกวันหรือทุกสัปดาห์ในเวลาที่เหมาะสมและสบายใจสำหรับคุณ

การฝึกหายใจเพื่อคลายเครียดเป็นเทคนิคที่สามารถช่วยให้คุณลดความเครียด อย่างไรก็ตามหากความเครียดที่คุณรับประทานอยู่ในระดับที่รุนแรงหรือเกิดจากสถานการณ์ฉุกเฉิน ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญทางด้านสุขภาพจิตเพื่อขอคำปรึกษาเพิ่มเติม

การเพ่งความรู้สึกอบอุ่น หนักเบา ให้เกิดขึ้นกับส่วนต่างๆ ของร่างกายเรียก

การเพ่งความรู้สึกอบอุ่นหรือหนักเบาเพื่อให้เกิดขึ้นกับส่วนต่างๆ ของร่างกายเรียกว่า “การแนวนอนช่วยควบคุมสมาธิ” (Progressive Muscle Relaxation) ซึ่งเป็นเทคนิคการผ่อนคลายที่ช่วยลดความเครียดและสร้างความผ่อนคลายให้กับร่างกาย ขั้นตอนดังนี้

  1. หาสถานที่ที่เงียบสงบและไม่มีสิ่งรบกวน นั่งหรือนอนในท่าที่สบาย ระวังให้ร่างกายมีระดับความสะอาดและมีอากาศถ่ายเท

  2. เริ่มด้วยการหายใจลึกๆ อย่างช้าๆ เพื่อผ่อนคลายร่างกายและจิตใจ

  3. เริ่มจากส่วนบนของร่างกาย เน้นท่าที่ผ่อนคลายเป็นพิเศษในแต่ละส่วนของร่างกาย ส่วนใหญ่เริ่มจากหน้าผากหรือกราม แล้วค่อยๆ เคลื่อนลงมาสู่ส่วนล่างของร่างกาย เช่น ตา > คอ > ไหล่ > แขน > ลำตัว > สะโพก > ขา > เท้า

  4. ในแต่ละส่วนของร่างกาย ค่อยๆ ทำความรู้สึกกับสัมผัส รู้สึกถึงความอบอุ่นหรือความหนักเบาที่ส่วนนั้น คงความรู้สึกนี้ไว้สักครู่

  5. เมื่อรู้สึกความรู้สึกอบอุ่นหรือหนักเบาเพียงพอ ให้หายใจเข้าลึกๆ ค้างสักครู่ แล้วหายใจออกเบาๆ พร้อมกับการคลายตัวออกจากส่วนนั้นๆ

  6. เลื่อนไปสู่ส่วนถัดไปของร่างกาย ทำซ้ำขั้นตอนเดียวกันจนเคลื่อนไปในส่วนทั้งหมดของร่างกาย

  7. เมื่อเสร็จสิ้นการผ่อนคลายทั้งร่างกาย ให้เพ่งความสัมผัสรวมกันของร่างกายทั้งหมด รู้สึกความผ่อนคลายและความสงบในร่างกาย

การฝึกการแนวนอนช่วยควบคุมสมาธิเป็นเทคนิคที่สามารถช่วยลดความเครียดและสร้างความผ่อนคลายให้กับร่างกาย แต่หากความเครียดที่คุณรับประทานอยู่ในระดับที่รุนแรงหรือเกิดจากสถานการณ์ฉุกเฉิน ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญทางด้านสุขภาพจิตเพื่อขอคำปรึกษาเพิ่มเติม

การ กํา หน ลมหายใจ สมาธิ

การกำหนดลมหายใจในการสมาธิเป็นเทคนิคที่สำคัญ เพื่อช่วยให้คุณเข้าสู่สภาวะสมาธิและความผ่อนคลาย ดังนี้คือขั้นตอนการกำหนดลมหายใจในการสมาธิ

  1. เตรียมพื้นที่ ค้นหาสถานที่ที่เงียบสงบและไม่มีสิ่งรบกวน เช่น ห้องที่ปิดตัวหรือสวน ให้ตั้งคาและปรับสภาพแวดล้อมให้สบายเหมือนที่สุด

  2. นั่งหรือนอนในท่าที่สบาย เลือกท่าที่นั่งหรือนอนที่สบายและสามารถรักษาระยะห่างของร่างกายให้เหมาะสม ไม่ต้องบังคับให้แน่นหรือแตกต่างจากท่าปกติของคุณ

  3. รับรู้ลมหายใจ เริ่มต้นด้วยการรับรู้ลมหายใจในตอนนี้ ไม่ต้องทำให้เป็นไปตามแบบแผนเฉพาะหรือต้องการเปลี่ยนแปลง แต่เพียงแค่รับรู้และสังเกตลมหายใจที่เข้าและออกจากร่างกาย

  4. สมาธิในลมหายใจ เลือกจุดหรือตำแหน่งที่คุณต้องการใช้ในการสมาธิ เช่น จุดระหว่างคิ้ว จุดบนปลายจมูก หรือจุดบนลิ้น ซึ่งจุดเหล่านี้ถือว่าเป็นจุดที่เชื่อมโยงกับความสงบและสมาธิ

  5. กำหนดรูปแบบลมหายใจ หลังจากที่คุณเลือกจุดหรือตำแหน่งสมาธิ กำหนดรูปแบบลมหายใจที่คุณต้องการใช้ เช่น การหายใจลึกๆ และช้าๆ หรือการหายใจในลำดับที่เท่าเทียมกันระหว่างหายใจเข้าและออก

  6. ฝึกซ้อมเป็นประจำ เพื่อให้การกำหนดลมหายใจและสมาธิเป็นประโยชน์สูงสุด ควรซ้อมโดยสม่ำเสมอ ฝึกกับสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมและสบายใจสำหรับคุณ

การกำหนดลมหายใจในการสมาธิเป็นเทคนิคที่สามารถช่วยให้คุณเข้าสู่สภาวะสมาธิและความผ่อนคลาย หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมหรือมีความรู้สึกว่าความเครียดเป็นเรื่องรำคาญ คุณอาจต้องปรึกษาครูสอนสมาธิหรือผู้เชี่ยวชาญทางด้านสมาธิเพื่อขอคำแนะนำและช่วยเหลือในการปรับปรุงทักษะสมาธิของคุณได้

คุณค่า ของ การฝึก จิต มี อะไร บาง

การฝึกจิตเป็นกระบวนการที่มีคุณค่ามากในด้านต่างๆ มีผลกระทบที่ดีต่อทั้งร่างกายและจิตใจของเรา นี่คือคุณค่าหลายๆ ด้านของการฝึกจิต

  1. ลดความเครียดและสร้างความผ่อนคลาย การฝึกจิตช่วยลดระดับความเครียดและอยู่ในสภาวะผ่อนคลาย ช่วยลดอาการวิตกกังวล นอนไม่หลับ และภาวะซึมเศร้า

  2. พัฒนาสมาธิและความสัมพันธ์ตัวเอง การฝึกจิตช่วยพัฒนาความสัมพันธ์ตัวเอง ช่วยให้คุณมีความรู้สึกเชื่อมโยงกับตัวคุณเองมากยิ่งขึ้น และช่วยให้คุณมีสมาธิที่ดีและสามารถทำงานอย่างมีประสิทธิภาพได้

  3. สร้างความสงบในใจ การฝึกจิตช่วยสร้างความสงบในใจ ช่วยให้คุณมีความสุขและความพึงพอใจต่อสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิต และไม่เอาแต่ใจรำคาญกับสิ่งที่เกิดขึ้น

  4. พัฒนาการรับมือกับความทุกข์และความเสียหาย การฝึกจิตช่วยให้คุณมีทักษะในการรับมือกับความทุกข์และความเสียหายที่เกิดขึ้นในชีวิต ช่วยให้คุณมีความอดทนและความสามารถในการรับมือกับสถานการณ์ที่ท้าทาย

  5. สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่น การฝึกจิตช่วยพัฒนาความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่น ช่วยให้คุณมีความเข้าใจและความอ่อนโยนต่อผู้อื่น และสร้างความร่วมมือและความสัมพันธ์ที่ดีในชีวิตประจำวัน

  6. พัฒนาการตัดสินใจและการแก้ไขปัญหา การฝึกจิตช่วยพัฒนาการตัดสินใจที่ดีและการแก้ไขปัญหาที่มีประสิทธิภาพ ช่วยให้คุณสามารถทำเลือกตัดสินใจที่เหมาะสมและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การฝึกจิตมีคุณค่าอันมีนัยสำคัญต่อความเจริญก้าวหน้าและความสุขในชีวิตของเรา ในกรณีที่คุณต้องการพัฒนาทักษะในด้านนี้เพิ่มเติม คุณอาจพิจารณาการเข้าร่วมหลักสูตรการสมาธิ การศึกษาเอกสารเกี่ยวกับสมาธิ หรือการพบปะพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญในการจิต

ข้อควรระวังในการนั่งสมาธิ 5 ข้อ

การนั่งสมาธิเป็นกิจกรรมที่มีประโยชน์และเพื่อสร้างความผ่อนคลายให้กับจิตใจ อย่างไรก็ตาม มีข้อควรระวังบางประการเพื่อให้การสมาธิของคุณเป็นประโยชน์สูงสุด นี่คือ 5 ข้อควรระวังในการนั่งสมาธิ

  1. ระยะเวลา อย่าทำให้ระยะเวลาในการนั่งสมาธิยาวเกินไปในตอนแรก ควรเริ่มต้นด้วยระยะเวลาที่สั้นๆ เช่น 5-10 นาที แล้วเพิ่มระยะเวลาขึ้นเป็นเชิงลบเรื่อยๆ

  2. รูปแบบการนั่ง ในขณะที่นั่งสมาธิควรใช้ท่าที่สบายและรู้สึกคงที่ ไม่ต้องการการเคลื่อนไหวที่สม่ำเสมอ คุณสามารถนั่งบนพื้นหรือเบาะที่รองรับสภาพร่างกายได้อย่างสบายและมั่นคง

  3. การสังเกตและยอมรับ ระวังให้คุณสังเกตและยอมรับความคิดและอารมณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างการสมาธิ อย่าพยายามต้านทานหรือกดดันให้หายไป แทนที่จะรับรู้และปล่อยให้ผ่านไปโดยธรรมชาติ

  4. การหายใจ การหายใจเป็นส่วนสำคัญขณะที่นั่งสมาธิ ให้ระบบหายใจเป็นธรรมชาติ ไม่ต้องบังคับให้เป็นไปตามแบบแผนหรือเปลี่ยนแปลงแบบเข้มข้น รับรู้ลมหายใจที่ผ่านผ่านไปและออกมา โดยไม่ต้องแก้ไขหรือปรับเปลี่ยน

  5. ความรับผิดชอบส่วนตัว การนั่งสมาธิเป็นการเข้าสังคมกับตัวเอง จึงมีความสำคัญที่คุณจะต้องรับผิดชอบสำหรับการดูแลตัวเอง รับรู้ถึงความสบายและความเหมาะสมของร่างกาย ถ้าคุณรู้สึกว่ามีอาการรุนแรงหรือไม่สบายในระหว่างการสมาธิ คุณควรหยุดและปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญทางด้านสุขภาพ

โดยปฏิบัติตามข้อควรระวังเหล่านี้ คุณสามารถทำการสมาธิได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยสำหรับสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจของคุณ

3 ขั้น ตอน ฝึกสมาธิ ช่วย คลายเครียดและ ลด โรค

การฝึกสมาธิเป็นเทคนิคที่ช่วยให้คลายเครียดและลดโรคได้ นี่คือ 3 ขั้นตอนในการฝึกสมาธิที่ช่วยในการคลายเครียดและลดโรค

  1. สร้างสภาวะสบาย เริ่มต้นโดยหาสถานที่ที่เงียบสงบและไม่มีสิ่งรบกวน นั่งหรือนอนในท่าที่สบายและผ่อนคลาย เตรียมร่างกายและจิตใจให้พร้อมสำหรับการฝึกสมาธิ

  2. กำหนดคำสั่ง ในขั้นตอนนี้ คุณสามารถใช้คำสั่งหรือประพฤติกรรมที่ช่วยให้คุณคลายเครียดและรู้สึกผ่อนคลาย เช่น การพูดคำกล่าวเช่น “ผ่อนคลาย”, “สงบ” หรือการนับถอยหลังจากหนึ่งถึงสิบ

  3. โฟกัสที่ลมหายใจ ในขั้นตอนสุดท้าย ให้โฟกัสที่ลมหายใจ สังเกตรับรู้ถึงลมหายใจที่เข้าและออกมาโดยสงสัย ไม่ต้องบังคับให้เป็นไปตามแบบแผน แต่เพียงแค่สังเกตและยอมรับการเปลี่ยนแปลงของลมหายใจ

การฝึกสมาธิเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการคลายเครียดและช่วยในการลดโรค อย่างไรก็ตาม หากคุณมีปัญหาสุขภาพร้างกายหรือจิตใจที่รุนแรง ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญทางด้านสุขภาพเพื่อขอคำปรึกษาและคำแนะนำที่เหมาะสมต่อสภาวะของคุณ

อ่านบทความทั้งหมด >>> pangpond.com