เต้าหู้ไข่ ส่วนประกอบโดยเฉพาะในไทยและจีนเพราะรสชาติอ่อนนุ่ม?
เต้าหู้ไข่: ส่วนประกอบและวิธีการทำ
เต้าหู้ไข่เป็นอาหารที่ได้รับความนิยมในหลายๆ ประเทศ โดยเฉพาะในไทยและจีน เพราะมีรสชาติอ่อนนุ่มและมีประโยชน์มากมาย เป็นอาหารที่สามารถนำมาปรุงเป็นเมนูต่างๆ ได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น เต้าหู้ไข่ทอด หรือ เต้าหู้ไข่นึ่ง โดยเฉพาะเมื่อทำร่วมกับวัตถุดิบอื่นๆ เต้าหู้ไข่ยังเป็นที่นิยมในหมู่คนที่รักสุขภาพอีกด้วย
ส่วนประกอบของเต้าหู้ไข่
การทำ เต้าหู้ไข่ มีส่วนประกอบหลักดังนี้:
- ถั่วเหลือง – เป็นส่วนประกอบหลักที่สำคัญที่สุดในการทำเต้าหู้ไข่ โดยถั่วเหลืองจะต้องนำมาบดและแช่น้ำเพื่อล้างสารพิษออกไป
- น้ำ – น้ำจะใช้ในการทำน้ำซุปเพื่อช่วยในการตั้งตัวของเต้าหู้
- ไข่ไก่ – ไข่ไก่ทำให้เต้าหู้มีความนุ่มและเนื้อสัมผัสที่มีความหยุ่น
- แป้งข้าวโพด – แป้งข้าวโพดช่วยทำให้เต้าหู้มีความเนียนและแข็งตัวได้ดี
- แคลเซียมซัลเฟต (CaSO4) หรือ เกลือผสม – เป็นตัวช่วยให้เต้าหู้แข็งตัวได้ดี และช่วยเพิ่มรสชาติ
วิธีการทำเต้าหู้ไข่
- แช่ถั่วเหลือง: เริ่มต้นด้วยการแช่ถั่วเหลืองในน้ำประมาณ 8 ชั่วโมงเพื่อให้ถั่วเหลืองนิ่มลง
- บดถั่วเหลือง: หลังจากแช่ถั่วเหลืองแล้ว นำมาบดให้ละเอียดและเติมน้ำลงไป
- กรองน้ำถั่วเหลือง: กรองน้ำถั่วเหลืองจากกากถั่วเหลืองเพื่อให้ได้ “น้ำนมถั่วเหลือง”
- ผสมไข่และแป้งข้าวโพด: นำไข่ไก่และแป้งข้าวโพดผสมให้เข้ากันในภาชนะ
- ตั้งไฟ: นำน้ำนมถั่วเหลืองไปตั้งไฟให้เดือด จากนั้นเติมผสมไข่และแป้งข้าวโพดลงไป
- เติมแคลเซียมซัลเฟต: เติมแคลเซียมซัลเฟตหรือเกลือผสมลงไป เพื่อช่วยให้เต้าหู้แข็งตัว
- เทลงพิมพ์: เมื่อส่วนผสมตั้งตัวแล้ว เทลงในพิมพ์แล้วทิ้งให้เย็นลงจนได้เต้าหู้ไข่ที่นุ่มและเนียน
ประโยชน์ของเต้าหู้ไข่
เต้าหู้ไข่ไม่เพียงแต่เป็นอาหารที่อร่อยและยืดหยุ่นในการปรุงเท่านั้น แต่ยังมีประโยชน์หลายอย่าง เช่น:
- แหล่งโปรตีนที่ดี: เต้าหู้ไข่เป็นแหล่งโปรตีนจากพืชที่ดีเยี่ยม และเป็นทางเลือกที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดการบริโภคเนื้อสัตว์
- ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล: เต้าหู้ไข่มีไขมันไม่อิ่มตัว ซึ่งช่วยในการลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด
- มีแคลเซียม: การเติมแคลเซียมซัลเฟตลงในเต้าหู้ช่วยเพิ่มปริมาณแคลเซียมในอาหาร ซึ่งดีต่อกระดูกและฟัน
- ช่วยในการย่อยอาหาร: เต้าหู้ไข่มีเส้นใยที่ดีต่อระบบย่อยอาหาร ช่วยในการขับถ่ายและป้องกันอาการท้องผูก
เคล็ดลับในการทำเต้าหู้ไข่ให้เนียนนุ่ม
- การบดถั่วเหลืองอย่างละเอียด: การบดถั่วเหลืองให้ละเอียดจะช่วยให้ได้เนื้อเต้าหู้ไข่ที่เนียนและนุ่ม
- การกรองน้ำถั่วเหลือง: อย่าลืมกรองน้ำถั่วเหลืองให้สะอาด เพื่อไม่ให้มีเศษกากตกค้าง
- อุณหภูมิในการทำเต้าหู้ไข่: การควบคุมอุณหภูมิระหว่างการต้มและการเติมแคลเซียมซัลเฟตสำคัญมาก เพราะหากอุณหภูมิสูงเกินไปอาจทำให้เต้าหู้ไข่แข็งตัวเร็วเกินไป
ลิ้งค์อ้างอิง: สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกระบวนการผลิตอาหารต่างๆ และมาตรฐานการผลิตอาหาร สามารถเข้าไปดูที่ เว็บไซต์กรมวิทยาศาสตร์บริการ เพื่อข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับมาตรฐานการผลิตอาหาร
การทำเต้าหู้ไข่ที่บ้านไม่ใช่เรื่องยาก และยังสามารถควบคุมคุณภาพได้ตามต้องการ โดยการใช้วัตถุดิบที่สดใหม่และเลือกสัดส่วนที่เหมาะสม จะทำให้ได้เต้าหู้ไข่ที่อร่อยและมีประโยชน์ต่อสุขภาพ.