ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ มีกี่ทักษะ

ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ มีกี่ทักษะ เป็นพื้นฐานสำคัญของ?

ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ มีกี่ทักษะ? เจาะลึกทุกมิติ พร้อมตัวอย่างใช้งานจริง

ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เป็นพื้นฐานสำคัญของการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ที่ช่วยให้ผู้เรียนสามารถ สังเกต คิดวิเคราะห์ และแก้ปัญหา อย่างเป็นระบบ โดยทั่วไป แบ่งออกเป็น 13 ทักษะหลัก ซึ่งสามารถจัดเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ ทักษะพื้นฐาน และ ทักษะเชิงบูรณาการ


🔬 ทักษะพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ (Basic Science Process Skills)

เป็นทักษะที่ช่วยให้ผู้เรียน สำรวจและเข้าใจ ปรากฏการณ์ทางวิทยาศาสตร์ ประกอบด้วย 8 ทักษะหลัก ดังนี้

1. ทักษะการสังเกต (Observing)

คือความสามารถในการใช้ ประสาทสัมผัส เช่น ตา หู จมูก ลิ้น และผิวหนัง เพื่อรับรู้และบันทึกลักษณะของสิ่งต่าง ๆ ในธรรมชาติ

ตัวอย่าง: สังเกตว่า น้ำแข็งละลายเร็วขึ้นเมื่ออยู่ในที่อุณหภูมิสูง

2. ทักษะการจำแนกประเภท (Classifying)

เป็นการจัดกลุ่ม วัตถุหรือปรากฏการณ์ ตามคุณสมบัติที่เหมือนกันหรือแตกต่างกัน

ตัวอย่าง: แบ่งสัตว์ออกเป็น สัตว์มีกระดูกสันหลัง และ สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง

3. ทักษะการวัดและใช้ตัวเลข (Measuring & Using Numbers)

เป็นการใช้ เครื่องมือวัดทางวิทยาศาสตร์ เพื่อหาค่าต่าง ๆ เช่น น้ำหนัก ความยาว อุณหภูมิ และปริมาตร

ตัวอย่าง: ใช้ เทอร์โมมิเตอร์ วัดอุณหภูมิของน้ำเดือด

4. ทักษะการสื่อสารข้อมูล (Communicating)

คือการ บันทึก อธิบาย และแสดงผลข้อมูล ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น กราฟ ตาราง แผนภาพ และข้อความ

ตัวอย่าง: ทำ กราฟเปรียบเทียบ อุณหภูมิของน้ำในแต่ละช่วงเวลา

5. ทักษะการพยากรณ์ (Predicting)

คือการคาดการณ์ผลลัพธ์ที่ อาจเกิดขึ้นในอนาคต จากข้อมูลหรือรูปแบบที่สังเกตได้

ตัวอย่าง: ทำนายว่า ถ้าเร่งความเร็วรถลงทางลาด จะใช้เวลาน้อยลง

6. ทักษะการลงความเห็นจากข้อมูล (Inferring)

เป็นการ สรุปผล จากข้อมูลที่มี โดยอาศัยประสบการณ์และตรรกะ

ตัวอย่าง: หากพบว่า น้ำที่ถูกให้ความร้อนเปลี่ยนเป็นไอ สรุปได้ว่า ความร้อนทำให้น้ำเปลี่ยนสถานะ

7. ทักษะการกำหนดนิยามเชิงปฏิบัติการ (Operationally Defining)

คือการ กำหนดคำอธิบาย ของคำศัพท์หรือแนวคิดโดยใช้ เกณฑ์ที่สามารถวัดได้

ตัวอย่าง: นิยามว่า “ของเหลวเดือด” หมายถึง ของเหลวที่มีฟองแก๊สเกิดขึ้นทั่วทั้งภาชนะเมื่ออุณหภูมิถึงจุดเดือด

8. ทักษะการทดลอง (Experimenting)

คือการออกแบบ การทดลอง โดยมีตัวแปรควบคุม ตัวแปรต้น และตัวแปรตาม เพื่อตรวจสอบสมมติฐาน

ตัวอย่าง: ทดลองว่า อุณหภูมิส่งผลต่อการละลายของน้ำตาลในน้ำอย่างไร


🔬 ทักษะเชิงบูรณาการ (Integrated Science Process Skills)

เป็นทักษะระดับสูงที่ต้อง ใช้ทักษะพื้นฐานหลายอย่างร่วมกัน ประกอบด้วย 5 ทักษะหลัก ดังนี้

9. ทักษะการกำหนดปัญหา (Identifying Problems)

คือการ ค้นหาสิ่งผิดปกติหรือข้อสงสัย ที่ต้องการศึกษาเพิ่มเติม

ตัวอย่าง: ทำไมใบไม้บางต้นเปลี่ยนเป็นสีเหลืองในฤดูหนาว?

10. ทักษะการตั้งสมมติฐาน (Formulating Hypotheses)

เป็นการ ตั้งข้อสันนิษฐาน เพื่ออธิบายปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น

ตัวอย่าง: ถ้าอุณหภูมิลดลง ใบไม้บางชนิดอาจเปลี่ยนสีเนื่องจากกระบวนการสลายคลอโรฟิลล์

11. ทักษะการควบคุมตัวแปร (Identifying & Controlling Variables)

คือการ กำหนดและควบคุมตัวแปร ที่อาจส่งผลต่อผลลัพธ์ของการทดลอง

ตัวอย่าง: ศึกษาผลของแสงต่อการเจริญเติบโตของพืช โดย ควบคุมชนิดดิน ปริมาณน้ำ และอุณหภูมิให้คงที่

12. ทักษะการตีความและวิเคราะห์ข้อมูล (Interpreting Data & Analyzing)

คือการ วิเคราะห์และสรุปผลจากข้อมูลที่รวบรวมได้

ตัวอย่าง: จากข้อมูลพบว่า ต้นไม้ที่ได้รับแสงมากกว่าเติบโตเร็วขึ้น

13. ทักษะการสร้างแบบจำลอง (Modeling)

คือการ ใช้ภาพจำลอง กราฟ หรือแผนผัง เพื่ออธิบายแนวคิดทางวิทยาศาสตร์

ตัวอย่าง: สร้างแบบจำลอง ระบบสุริยะ เพื่อแสดงวงโคจรของดาวเคราะห์


🔍 สรุป: ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ มีทั้งหมดกี่ทักษะ?

จากที่กล่าวมา ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์มีทั้งหมด 13 ทักษะ แบ่งเป็น
8 ทักษะพื้นฐาน
5 ทักษะเชิงบูรณาการ

ทำไมต้องเรียนรู้ทักษะเหล่านี้?
ช่วยพัฒนาความคิดเชิงวิเคราะห์
เสริมสร้างการแก้ปัญหาอย่างมีเหตุผล
นำไปใช้ในชีวิตจริงและงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์

🔗 อ้างอิงข้อมูลเพิ่มเติมจากแหล่งราชการ:
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน