ปก บล็อกเชน กับการบัญชี

5 Blockchain กับการบัญชีตัวอย่างในไทยคืออะไรโคตรเจ๋ง?

การใช้เทคโนโลยี Blockchain เพื่อการเรียนรู้และการพัฒนาธุรกิจ

เทคโนโลยี Blockchain เป็นเทคโนโลยีที่มีศักยภาพในการใช้ในการเรียนรู้และพัฒนาธุรกิจในหลายด้าน เช่น การศึกษาทางด้านการเงินและการบัญชี การจัดการซอสต์แคร์ (Source Code) การติดตามและการส่งต่อข้อมูลที่มีความปลอดภัย และการสร้างระบบเครือข่ายที่แข็งแกร่งเพื่อเพิ่มความเชื่อถือและความโปร่งใสในธุรกิจ เพื่อให้คุณเข้าใจเพิ่มเติม นี่คือบางประเด็นที่เกี่ยวข้อง

การใช้เทคโนโลยี Blockchain

  1. การศึกษาและการพัฒนาในด้านการเงินและการบัญชี Blockchain สามารถใช้ในการพัฒนาระบบการชำระเงินและการโอนเงินที่รวดเร็วและปลอดภัยมากขึ้น โดยลดการเชื่อมต่อกับบัญชีกลางและลดค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ยังมีโครงการ ICO (Initial Coin Offering) ที่ใช้ Blockchain เป็นพื้นฐานในการระดมทุนและการจัดการสินทรัพย์ดิจิทัล

  2. การจัดการซอสต์แคร์ (Source Code) และการติดตามและการส่งต่อข้อมูล Blockchain สามารถใช้ในการเก็บรวบรวมและติดตามประวัติแก้ไขของซอร์สโค้ดได้อย่างโปร่งใส นี่เป็นประโยชน์สำคัญในการพัฒนาซอฟต์แวร์โอเพนซอร์สหรือโครงการที่ใช้ร่วมกัน

  3. การสร้างระบบเครือข่ายที่แข็งแกร่ง Blockchain ให้ความมั่นใจแก่ผู้ใช้ด้วยการสร้างระบบที่ปลอดภัยและความสามารถในการตรวจสอบและยืนยันข้อมูล สำหรับธุรกิจที่ต้องการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างฝ่ายเกี่ยวข้องหลายๆ ฝ่าย การใช้ Blockchain จะช่วยลดความเชื่อถือในบุคคลกลาง และเพิ่มความโปร่งใสในกระบวนการทางธุรกิจ

  4. การสร้างสัญญาอัจฉริยะ (Smart Contracts) Blockchain สามารถใช้ในการสร้างสัญญาอัจฉริยะที่ทำงานโดยอัตโนมัติตามเงื่อนไขที่ระบุ สัญญาอัจฉริยะเหล่านี้ไม่ต้องพึ่งพาบุคคลกลางในการดำเนินการ และสามารถให้ความถูกต้องและปลอดภัยกว่าสัญญาดั้งเดิมที่มักจะต้องพึ่งพาการตรวจสอบและการก่อสร้างแบบลำดับขั้น

  5. การป้องกันการปลอมแปลงและการเข้าถึงข้อมูล Blockchain ใช้กระบวนการการระบุและการกำหนดสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูลที่แข็งแกร่ง ข้อมูลที่ถูกบันทึกในบล็อกจะไม่สามารถแก้ไขหรือลบได้โดยง่าย ซึ่งช่วยป้องกันการปลอมแปลงและการเข้าถึงข้อมูลที่ไม่ได้รับอนุญาต

การใช้เทคโนโลยี Blockchain เพื่อการเรียนรู้และการพัฒนาธุรกิจมีศักยภาพที่ใหญ่มาก และมีการนำไปใช้ในหลายภาคส่วนของอุตสาหกรรม สำหรับนักเรียนหรือนักศึกษา การศึกษาและการสร้างโปรเจกต์ที่เกี่ยวข้องกับ Blockchain อาจช่วยให้เข้าใจหลักการทำงานและประโยชน์ของเทคโนโลยีนี้ได้มากขึ้น ส่วนสำหรับธุรกิจ การใช้ Blockchain อาจช่วยปรับปรุงกระบวนการธุรกิจและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจในรูปแบบต่างๆ

Blockchain กับการบัญชี

การใช้เทคโนโลยี Blockchain ในการบัญชีมีศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงวิธีการดำเนินงานของธุรกิจและการบัญชีอย่างมาก นี่คือบางเชิงอธิบายเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่าง Blockchain กับการบัญชี

  1. ความโปร่งใสและความถูกต้อง Blockchain มีลักษณะเป็นสมุดรายการที่แตกต่างจากฐานข้อมูลแบบดั้งเดิม ข้อมูลบัญชีทั้งหมดจะถูกบันทึกในบล็อกและต่อเข้ากันเป็นเชื่อมโยงอย่างเป็นลำดับ การทำเช่นนี้ช่วยให้ผู้ที่มีสิทธิ์เข้าถึงสามารถตรวจสอบรายการทางการเงินและการทำธุรกรรมได้อย่างง่ายดาย และลดความเชื่อถือในบุคคลกลางที่อาจมีการเปลี่ยนแปลงหรือปลอมแปลงข้อมูล

  2. การทำธุรกรรมแบบเรียลไทม์ Blockchain ช่วยให้สามารถทำธุรกรรมทางการเงินแบบเรียลไทม์ได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย ไม่ต้องรอเวลาสำหรับการตรวจสอบและการอนุมัติจากบุคคลกลาง เช่น การโอนเงินระหว่างบุคคลหรือธุรกิจที่มีความสัมพันธ์กัน นอกจากนี้ยังสามารถดำเนินการธุรกรรมอื่นๆ เช่น การชำระเงินสินค้าและบริการ หรือการทำสัญญาอัจฉริยะโดยใช้สัญญาสมาร์ท (Smart Contracts)

  3. การตรวจสอบและการติดตาม Blockchain ช่วยให้สามารถตรวจสอบและติดตามประวัติการทำธุรกรรมได้โดยง่าย ข้อมูลทางการเงินทั้งหมดถูกบันทึกในบล็อกและไม่สามารถแก้ไขหรือลบได้ ด้วยเหตุนี้ สามารถตรวจสอบประวัติการทำธุรกรรมได้อย่างแม่นยำ ซึ่งมีประโยชน์ในกระบวนการตรวจสอบบัญชีและการตรวจสอบภายในของธุรกิจ

  4. การลดค่าใช้จ่ายและการเพิ่มประสิทธิภาพ การใช้ Blockchain ในการบัญชีสามารถลดค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับบุคคลกลาง และลดเวลาในการดำเนินการเชิงกระบวนการ ซึ่งสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการบัญชีและการรายงานทางการเงิน

การใช้เทคโนโลยี Blockchain ในการบัญชีมีความสำคัญในการเพิ่มความโปร่งใสและความถูกต้องในกระบวนการทางการเงิน และช่วยให้ธุรกิจมีความมั่นใจในข้อมูลทางการเงินและข้อมูลบัญชีของตน

ตัวอย่าง Blockchain ในไทย

นี่คือตัวอย่างของโครงการที่ใช้เทคโนโลยี Blockchain ในประเทศไทย

5 Blockchain ในไทย

  1. Project Inthanon เป็นโครงการที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ร่วมกับภาครัฐและภาคเอกชนในการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี Blockchain สำหรับการทำธุรกรรมทางการเงินภายในระบบการเงินของประเทศ โดยมุ่งเน้นในการเพิ่มประสิทธิภาพ ความรวดเร็ว และความปลอดภัยของระบบการเงิน

  2. Zcoin เป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ใช้เทคโนโลยี Blockchain ในการป้องกันการติดตามและความเป็นส่วนตัวของธุรกรรมทางการเงิน โดยใช้เทคโนโลยี Zero-Knowledge Proof เพื่อให้ผู้ใช้สามารถทำธุรกรรมได้โดยไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

  3. Everex เป็นบริษัท FinTech ที่ใช้เทคโนโลยี Blockchain ในการโอนเงินระหว่างประเทศ โดยใช้สกุลเงินดิจิทัลที่เชื่อมโยงกับสกุลเงินท้องถิ่น มีเป้าหมายในการลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มความรวดเร็วในการทำธุรกรรมการเงินระหว่างประเทศ

  4. Energy Web Foundation เป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่มุ่งเน้นการใช้ Blockchain ในการพัฒนาระบบพลังงานที่เชื่อมต่อกับเครือข่ายไฟฟ้าแบบกระจาย หนึ่งในโครงการที่เข้าร่วมคือการติดตามและการระบุแหล่งพลังงานทดแทนผ่านระบบ Blockchain

  5. OmiseGO เป็นโครงการที่มุ่งเน้นการพัฒนาระบบการชำระเงินและการเงินดิจิทัลที่ใช้เทคโนโลยี Blockchain โดยเฉพาะเพื่อเพิ่มความสะดวกในการทำธุรกรรมการเงินและการแลกเปลี่ยนทางการเงินระหว่างประเทศ

เหล่านี้เป็นเพียงตัวอย่างของโครงการที่ใช้เทคโนโลยี Blockchain ในประเทศไทย การนำเทคโนโลยีนี้มาใช้ในสถานการณ์และอุตสาหกรรมต่างๆ เป็นเรื่องที่กำลังได้รับความสนใจและการพัฒนาอย่างต่อเนื่องในประเทศไทยเช่นกัน

Blockchain คืออะไร และ สำคัญอย่างไร

Blockchain (บล็อกเชน) เป็นเทคโนโลยีที่ใช้ในการจัดเก็บและการแชร์ข้อมูลในรูปแบบของบล็อกที่เชื่อมต่อกันเป็นลำดับ แต่ละบล็อกประกอบด้วยข้อมูลที่ถูกเข้ารหัสและลากย้อนกลับไปยังบล็อกก่อนหน้า ซึ่งทำให้ข้อมูลในบล็อกเชื่อมโยงกันและไม่สามารถแก้ไขหรือลบได้โดยง่าย

การทำงานของ Blockchain จะขึ้นอยู่กับกฎระเบียบที่ถูกกำหนดไว้ ในกรณีของบล็อกเชนแบบสาธารณะ (Public Blockchain) เช่น Bitcoin และ Ethereum ใช้กระบวนการทำงานที่เรียกว่า Proof of Work (PoW) หรือ Proof of Stake (PoS) เพื่อให้เครือข่ายได้รับการยืนยันและตรวจสอบข้อมูลโดยผู้ใช้ที่เป็นสมาชิกของเครือข่าย

สำคัญซึ่งของ Blockchain ได้แก่

  1. ความปลอดภัย ข้อมูลในบล็อกเชนถูกเข้ารหัสและเชื่อมโยงกันเป็นลำดับ ทำให้ข้อมูลเป็นไปตามกฎระเบียบและไม่สามารถถูกแก้ไขหรือลบได้โดยง่าย นอกจากนี้เทคโนโลยีการเข้ารหัสที่ใช้ในบล็อกเชนยังช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับการทำธุรกรรมและข้อมูลที่เกี่ยวข้อง

  2. โปร่งใสและความน่าเชื่อถือ Blockchain เปิดเผยข้อมูลในรูปแบบแบบสาธารณะ (Public) ทำให้ทุกคนสามารถตรวจสอบและตรวจสอบข้อมูลได้อย่างเป็นธรรม นอกจากนี้การเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างบล็อกทำให้มีความสมบูรณ์และเชื่อถือได้

  3. ประหยัดเวลาและต้นทุน Blockchain ช่วยลดเวลาในการดำเนินการการทำธุรกรรมและกระบวนการทางธุรกิจ โดยไม่ต้องพึ่งพาบุคคลกลางหรือกระบวนการยืนยันเพิ่มเติม ซึ่งช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ

  4. การแบ่งแยกและความเป็นส่วนตัว Blockchain ช่วยให้ผู้ใช้ความเป็นส่วนตัวในข้อมูลของตน โดยในบางกรณี เฉพาะผู้ที่ได้รับอนุญาตเท่านั้นที่สามารถเข้าถึงและรับข้อมูลได้

Blockchain เป็นเทคโนโลยีที่มีการใช้งานและประโยชน์หลายแง่มุม โดยไม่จำกัดเพียงแค่การทำธุรกรรมทางการเงิน แต่สามารถนำไปใช้ในหลายอุตสาหกรรมและการทำงานต่างๆ เพื่อเพิ่มความปลอดภัย ความโปร่งใส และประสิทธิภาพในกระบวนการต่างๆ

บล็อกเชน กับการบัญชี 03

เทคโนโลยี Blockchain คืออะไร

เทคโนโลยี Blockchain (บล็อกเชน) เป็นรูปแบบของเทคโนโลยีที่ใช้ในการจัดเก็บและแชร์ข้อมูลในรูปแบบของบล็อกที่เชื่อมต่อกันเป็นลำดับ โดยข้อมูลในแต่ละบล็อกจะถูกเข้ารหัสและลากย้อนกลับไปยังบล็อกก่อนหน้า ทำให้ข้อมูลทั้งหมดในบล็อกเชื่อมโยงกันและไม่สามารถแก้ไขหรือลบได้โดยง่าย

ในเทคโนโลยี Blockchain นั้น ข้อมูลจะถูกจัดเก็บในเครือข่ายที่แตกต่างกันไปซึ่งอาจเป็นเครือข่ายสาธารณะ (Public Blockchain) ที่ให้บริการแก่ผู้ใช้ทั่วไป เช่น Bitcoin และ Ethereum หรือเครือข่ายเอกชน (Private Blockchain) ที่ใช้ภายในองค์กรเฉพาะ

หลักการทำงานของ Blockchain อยู่ที่การยืนยันและตรวจสอบข้อมูลโดยผู้ใช้ในเครือข่าย โดยไม่จำเป็นต้องมีบุคคลกลาง (Central Authority) ที่ควบคุมและยืนยันการทำธุรกรรม การทำงานนี้ใช้เทคนิคทางคณิตศาสตร์และการเข้ารหัสเพื่อให้ข้อมูลปลอดภัยและไม่ถูกแก้ไข

Blockchain สร้างความโปร่งใส ความน่าเชื่อถือ และความปลอดภัยในการทำธุรกรรม โดยเฉพาะในรูปแบบของสกุลเงินดิจิทัล (Cryptocurrency) แต่สามารถนำไปใช้ในหลายอุตสาหกรรมและกระบวนการต่างๆ เพื่อเพิ่มความปลอดภัย ความโปร่งใส และประสิทธิภาพในการดำเนินงาน

การประยุกต์ใช้เทคโนโลยี Blockchain

เทคโนโลยี Blockchain สามารถประยุกต์ใช้ในหลากหลายอุตสาหกรรมและกระบวนการต่างๆ เพื่อเพิ่มความปลอดภัย ความโปร่งใส และประสิทธิภาพในการดำเนินงาน นี่คือตัวอย่างการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี Blockchain

  1. การทำธุรกรรมทางการเงิน เทคโนโลยี Blockchain ใช้ในการทำธุรกรรมทางการเงินและการโอนเงินทั้งในระดับส่วนบุคคลและธุรกิจ ซึ่งช่วยลดความล่าช้าในการทำธุรกรรมและลดค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องกับบริการการเงิน

  2. การตรวจสอบความถูกต้องและความสมบูรณ์ของข้อมูล Blockchain ช่วยในการตรวจสอบและยืนยันความถูกต้องและความสมบูรณ์ของข้อมูลในกระบวนการต่างๆ เช่น การตรวจสอบเอกสารทางการแพทย์หรือการตรวจสอบความถูกต้องของสินค้าในกระบวนการโซ่อุปทาน

  3. การบริหารจัดการโฉพาะทรัพย์สิน Blockchain สามารถใช้ในการบริหารจัดการทรัพย์สินที่มีค่าต่างๆ เช่น ทรัพย์สินดิจิทัล สิทธิบัตรการเงิน หรือทรัพย์สินทางปัญญา โดยลดความซับซ้อนและเพิ่มความโปร่งใสในกระบวนการซื้อขายและการถ่ายโอน

  4. โภชนาการและส่วนกลางการจัดส่ง Blockchain สามารถใช้ในการติดตามและจัดการการจัดส่งที่มีอาหารหรือสินค้าที่ต้องการการบำรุงรักษาเสมือนในกระบวนการจัดส่งและการจัดการคุณภาพ

  5. การลงทะเบียนและการตรวจสอบความถูกต้องของเอกสาร Blockchain สามารถใช้ในการลงทะเบียนและยืนยันความถูกต้องของเอกสารทางทะเบียน อย่างเช่นทะเบียนที่ดิน ประวัติการศึกษา หรือใบอนุญาตทางวิชาชีพ

  6. การใช้งานในภาครัฐ Blockchain สามารถใช้ในการเพิ่มความโปร่งใสและความเชื่อถือในกระบวนการรัฐบาล เช่น การลงคะแนนเลือกตั้ง การบริหารจัดการเอกสารราชการ หรือการจัดเก็บและตรวจสอบข้อมูลทางการเงินของภาษี

การประยุกต์ใช้เทคโนโลยี Blockchain อย่างถูกต้องและเหมาะสมสามารถช่วยปรับปรุงกระบวนการต่างๆ ให้มีความเชื่อถือ ความปลอดภัย และความโปร่งใส รวมถึงลดความซับซ้อนและต้นทุนในการดำเนินงาน

Blockchain กับการศึกษา

การใช้เทคโนโลยี Blockchain ในการศึกษามีศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงวิธีการเรียนรู้และการจัดการข้อมูลในระบบการศึกษา นี่คือบางเชิงอธิบายเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่าง Blockchain กับการศึกษา

4 Blockchain กับการศึกษา

  1. การยืนยันปริมาณการเรียนรู้ Blockchain สามารถใช้ในการบันทึกและยืนยันปริมาณการเรียนรู้ของนักเรียน สามารถเก็บข้อมูลการศึกษา คะแนนสอบ หรือการรับรองความรู้ในบล็อกเชนได้อย่างปลอดภัยและให้ความน่าเชื่อถือ

  2. การออกใบรับรองและประกาศนียบัตร Blockchain สามารถใช้ในการออกใบรับรองและประกาศนียบัตรที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา เช่น ใบประกาศนียบัตรการเรียนรู้ หรือใบรับรองการเข้าร่วมอบรม โดยที่ข้อมูลที่บันทึกไว้ในบล็อกเชนจะไม่สามารถปลอมแปลงได้

  3. การจัดการข้อมูลส่วนบุคคล Blockchain ช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวในการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลของนักเรียน เช่น การจัดเก็บข้อมูลส่วนตัว ประวัติการศึกษา และคะแนนสอบ ที่สามารถให้นักเรียนควบคุมการเข้าถึงและแบ่งปันข้อมูลได้อย่างเหมาะสม

  4. การส่งและตรวจสอบเอกสารทางการศึกษา Blockchain สามารถใช้ในกระบวนการส่งเอกสารทางการศึกษาระหว่างนักเรียนและสถาบันการศึกษา ทำให้เกิดความรวดเร็วและปลอดภัยในการตรวจสอบและติดตามสถานะของเอกสาร

การนำเทคโนโลยี Blockchain เข้ามาใช้ในการศึกษามีความสำคัญในการเพิ่มความโปร่งใส ความปลอดภัย และความเชื่อถือในระบบการศึกษา รวมถึงช่วยให้การจัดการข้อมูลและส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ตัวอย่าง Blockchain ในปัจจุบัน

นี่คือตัวอย่างของโครงการที่ใช้เทคโนโลยี Blockchain ในปัจจุบัน

  1. Bitcoin (BTC) Bitcoin เป็นสกุลเงินดิจิทัลแรกที่ใช้เทคโนโลยี Blockchain และตลาดสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในปัจจุบัน ด้วยการใช้ Blockchain เป็นฐานข้อมูลแบบกระจายทั่วโลก การทำธุรกรรมและการโอนเงินของ Bitcoin เป็นที่ปลอดภัยและไม่ต้องมีบุคคลกลาง

  2. Ethereum (ETH) Ethereum เป็นแพลตฟอร์มบล็อกเชนที่รองรับสกุลเงินดิจิทัลและสัญญาอัจฉริยะ (Smart Contracts) โดยใช้ภาษาโปรแกรม Solidity สามารถสร้างและดำเนินการสัญญาอัจฉริยะได้ ทำให้เกิดแอปพลิเคชันและโปรแกรมที่ทำงานอิสระและทำธุรกรรมต่างๆ บนบล็อกเชน Ethereum

  3. Binance Coin (BNB) Binance Coin เป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ใช้ในแพลตฟอร์ม Binance เพื่อช่วยในกระบวนการซื้อขายและค่าธรรมเนียมการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล การทำธุรกรรมและการจัดเก็บค่าธรรมเนียมทั้งหมดจะถูกบันทึกในบล็อกเชนของ Binance Chain

  4. Filecoin (FIL) Filecoin เป็นโครงการที่ใช้เทคโนโลยี Blockchain ในการสร้างระบบจัดเก็บข้อมูลแบบกระจาย (Decentralized Storage) โดยผู้ใช้สามารถจัดเก็บและเช่าพื้นที่เก็บข้อมูลจากผู้ให้บริการอื่นๆ และใช้ FIL เป็นสกุลเงินดิจิทัลในการชำระค่าบริการ

  5. VeChain (VET) VeChain เป็นแพลตฟอร์มบล็อกเชนที่ใช้ในการติดตามและจัดการโภชนาการในธุรกิจอุตสาหกรรม โดยใช้เทคโนโลยี Blockchain เพื่อบันทึกและตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับการผลิต จัดการโลจิสติกส์ และความปลอดภัยในการจัดส่งสินค้า

เหล่านี้เป็นเพียงตัวอย่างของโครงการที่ใช้เทคโนโลยี Blockchain ในปัจจุบัน มีการนำเทคโนโลยีนี้มาใช้ในหลายอุตสาหกรรมเพื่อเพิ่มความปลอดภัย ความโปร่งใส และประสิทธิภาพในกระบวนการต่างๆ

บล็อกเชน กับการบัญชี 01

Blockchain กับธนาคาร

Blockchain มีความสัมพันธ์กับธนาคารในหลายๆ ด้าน นี่คือตัวอย่างของการใช้งาน Blockchain ในธนาคาร

  1. การโอนเงินและการชำระเงิน Blockchain สามารถใช้ในการทำธุรกรรมการโอนเงินระหว่างบัญชีธนาคาร โดยลดเวลาและต้นทุนในกระบวนการโอนเงิน และเพิ่มความปลอดภัย การใช้เทคโนโลยี Blockchain ช่วยลดความต้องการใช้บุคคลกลางเป็นตัวกลางในการทำธุรกรรมการเงิน

  2. Know Your Customer (KYC) ธนาคารสามารถใช้ Blockchain เพื่อเก็บข้อมูลส่วนตัวและข้อมูล Know Your Customer (KYC) ของลูกค้าได้อย่างปลอดภัย และสามารถแชร์ข้อมูลนี้ระหว่างธนาคารและองค์กรอื่น ๆ ที่มีความเกี่ยวข้องได้อย่างปลอดภัยและทันท่วงที

  3. การป้องกันฉ้อโกงและการฟอกเงิน Blockchain ช่วยในการตรวจสอบและติดตามการทำธุรกรรมทางการเงินเพื่อป้องกันการฉ้อโกงและการฟอกเงิน การใช้บล็อกเชนที่ไม่สามารถแก้ไขได้ง่าย ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือในข้อมูลทางการเงิน

  4. Smart Contracts ธนาคารสามารถใช้เทคโนโลยี Smart Contracts บนแพลตฟอร์มบล็อกเชน เพื่อทำสัญญาอัจฉริยะที่ถูกโปรแกรมลงบล็อกเชน โดยทำให้การทำธุรกรรมทางการเงินเป็นอัตโนมัติและเป็นที่น่าเชื่อถือ

การนำเทคโนโลยี Blockchain เข้ามาในธนาคารช่วยให้เกิดความปลอดภัย ความโปร่งใส และประสิทธิภาพในกระบวนการการเงิน รวมถึงลดความซับซ้อนในการดำเนินงานและเพิ่มความน่าเชื่อถือในการทำธุรกรรมทางการเงิน

อ่านบทความทั้งหมด >>> pangpond.com