ฟรีแลนซ์
การรับงานโดยจดทะเบียนนิติบุคคล หรือรับงานแบบบุคคลธรรมดา
เรื่องนี้เป็นปัญหาที่ฟรีแลนซ์หลายคนกำลังกังวลและตัดสินใจอยู่ว่าจะทำยังไงดี ดังนั้นวันนี้เรามาดูข้อมูลเพื่อประกอบการตัดสินใจกันว่าเราจะทำเป็นนิติบุคคล
หรือทำเป็นบุคคลธรรมดาดี
คุณรับงานในลักษณะที่ต้องใช้ความน่าเชื่อถือสูงหรือไม่
ในคำถามนี้ถ้าหากคุณตอบออกมาว่าใช่
แน่นอนสิ่งที่ควรทำคือจดทะเบียนนิติบุคคล ไม่ว่าจะเป็นจดทะเบียนบริษัท
หรือห้างหุ้นส่วนจำกัด
เพราะคุณมีความจำเป็นต้องสร้างความน่าเชื่อถือให้เกิดขึ้นแก่ลูกค้าของคุณ
ซึ่งการจดทะเบียนนิติบุคคลสามารถสร้างความน่าเชื่อถือได้มากที่สุด
เพื่อเป็นการรับประกันกับลูกค้าว่าสามารถวางใจได้ เป็นนิติบุคคลที่มีความมั่นคง
เชื่อถือได้ ไม่ได้มารับงานเล่น ๆ แน่นอน นอกจากการรับงานแล้ว การจ้างพนักงานมาทำงานด้วย
การจัดซื้อจัดจ้าง การซื้อขายที่ต้องใช้เครดิต การขอกู้ยืมกับแหล่งเงินทุนต่าง ๆ
ก็มีความน่าชื่อถือในนิติบุคคลมากกว่าบุคคลธรรมดาเช่นกัน
ข้อดีและข้อเสีย ของรับงานด้วยนิติบุคคล หรือรับงานแบบบุคคลธรรมดา
จำนวนหุ้นส่วน
การเป็นนิติบุคคล จะต้องใช้หุ้นส่วนอย่างน้อย
2 คนขึ้นไปสำหรับการจดห้างหุ้นส่วนจำกัด และต้องใช้ตั้งแต่ 3 คนขึ้นไปสำหรับการจดทะเบียนบริษัท
การเป็นบุคคลธรรมดา จะสามารถดำเนินการทุกอย่างได้โดยบุคคลเดียว
การระดมเงินทุน
การเป็นนิติบุคคล จะสามารถระดมทุนจากหุ้นส่วน
หรือผู้ถือหุ้นได้ ทำให้มีเงินหมุนเวียนในกิจการที่สูง
การเป็นบุคคลธรรมดา
เงินทุนจะมีเพียงแค่เท่าที่ตัวเองมีและนำมาลงทุนเท่านั้น
การระดมความคิด
การเป็นนิติบุคคล จะสามารถระดมความคิด
ระดมสมองได้จากหลากหลายคนที่เป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้น รวมไปถึงจากพนักงานในองกรณ์
ข้อดีคือจะได้เห็นหลากหลายความคิดและมุมมอง และมีความปลอดภัย
แต่ข้อเสียคืออาจจะเป็นต้นกำเนิดของความขัดแย้งทางความคิดได้ การตัดสินใจต่าง ๆ
ก็ทำสิ่งต่าง ๆ ได้ช้าเพราะต้องผ่านความเห็นของหลายคน
การเป็นบุคคลธรรมดา
จะต้องคิดเองทำเองทั้งหมด แต่ข้อดีคือสามารถตัดสินใจเรื่องต่าง ๆ ได้รวดเร็ว
สามารถปรับเปลี่ยนแผนการต่าง ๆ ตามสถานการณ์ได้ทันท่วงที แต่ถ้าผิดพลาดก็จะพลาดเลย
การตัดสินใจ
การเป็นนิติบุคคล การตัดสินใจในการทำเรื่องต่าง
ๆ จะต้องผ่านคณะบริหาร หรือมีการตัดสินใจเป็นลำดับชั้น หากเป็นการตัดสินใจที่สำคัญ
การเป็นบุคคลธรรมดา
การตัดสินใจจะทำด้วยตัวเองทั้งหมดไม่ว่าจะงานเล็กหรืองานใหญ่
การแบ่งจ่ายผลกำไร
การเป็นนิติบุคคล จะเป็นการแบ่งกันตามสัดส่วนที่กำหนดขึ้น
ไม่ว่าจะแบ่งจ่ายตามหุ้นส่วน หรือแบ่งจ่ายปันผลให้ผู้ถือหุ้น
นอกจากนี้ยังรวมไปถึงเงินเดือนของพนักงานด้วย
การเป็นบุคคลธรรมดา รับผลกำไร
รายได้แต่เพียงผู้เดียว
การเสียภาษี
การเป็นนิติบุคคล เสียภาษีจากยอดกำไรของกิจการ
หากมีกำไรก็ต้องเสียภาษี แต่หากขาดทุนก็ไม่ต้องเสียภาษี การคำนวณกำไร
ขาดทุนจะคำนวณจาก รายได้หักรายจ่ายเหลือคือกำไรที่นำมาเสียภาษี
การเป็นบุคคลธรรมดา
เป็นการเสียภาษีแบบเหมาจ่าย โดยนำรายได้ของปีนั้น ๆ มาหักการเป็นการเป็นบุคคลธรรมดา
ค่าใช้จ่ายแบบเหมาจ่าย มากน้อยขึ้นกับลักษณะของธุรกิจ
หักค่าใช้จ่ายแล้วเหลือเท่าไหร่จึงนำมาคิดภาษี ต่อให้ขาดทุนก็ต้องเสียภาษี
อัตราภาษี
การเป็นนิติบุคคล จะเสียภาษีในอัตราก้าวหน้า
กำไร 1 ล้านบาทแรกสียภาษี 15% กำไรล้านที่ 2 –
3 เสียภาษี 25% กำไรตั้งแต่ 3 ล้านบาทขึ้นไปเสียภาษี
30%
การเป็นบุคคลธรรมดา
จะเสียแบบอัตราก้าวหน้า โดยรายได้หลังหักค่าใช้จ่าย 1 แสนบาทแรกให้ยกเว้นภาษี
เงินได้หลังหักค่าใช้จ่าย 1 – 5 แสนเสียภาษี 10% เงินได้หลังหักค่าใช้จ่าย
5 แสน – 1 ล้าน เสียภาษี 20% เงินได้หลักหักค่าใช้จ่าย
1 ล้าน – 4 ล้าน เสียภาษี 30% เงินได้หลังหักค่าใช้จ่าย
4 ล้านขึ้นไปเสียภาษี 37%
การบันทึกบัญชี
การเป็นนิติบุคคล จะต้องมีการจัดทำบัญชี และการสอบบัญชีโดยผู้ที่ได้รับอนุญาตจากกระทรวงพาณิชย์ โดยส่วนนี้จะต้องเสียค่าบริการเพิ่ม
การเป็นบุคคลธรรมดา ไม่จำเป็นต้องมีการทำบัญชีหากเป็นการหักค่าใช้จ่ายแบบเหมาจ่าย แต่หากต้องการหักตามจริงจะต้องมีการจัดทำบัญชี
ความรับผิดชอบ
การเป็นนิติบุคคล
จะรับผิดชอบแค่เท่ากับหุ้นที่ตัวเองถืออยู่เท่านั้นถ้าเป็นบริษัท แต่ถ้าเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด
หุ้นส่วนจะรับผิดชอบแคเท่าที่ตนลงเงินไป
การเป็นบุคคลธรรมดา
จะต้องรับผิดชอบในทุกอย่าง ไม่จำกัดวงเงิน
ทั้งหมดนี้ก็คือข้อดีและข้อเสียของการเป็นนิติบุคคลหรือเป็นบุคคลธรรมดา
ซึ่งมีเหตุผลในการใช้งานที่แตกต่างกัน
จะเลือกแบบไหนก็ขึ้นอยู่กับลักษณะของงานและลูกค้าด้วย
อ่านบทความทั้งหมด >>> pangpond.com