วิธี ดู น้ำหนักลูกในครรภ์

วิธีดูน้ำหนักลูกในครรภ์ควรโตตามการตตามทารกประเมิน 3 พัฒนาการ

วิธีดูน้ำหนักลูกในครรภ์: คู่มือครบจบสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์

หนึ่งในคำถามที่คุณแม่มือใหม่มักสงสัยคือ “น้ำหนักลูกในครรภ์ควรเป็นเท่าไหร่?” หรือ “จะรู้ได้อย่างไรว่าลูกในครรภ์โตตามเกณฑ์หรือไม่?” การติดตาม น้ำหนักทารกในครรภ์ เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยประเมินพัฒนาการของลูกน้อย พร้อมทั้งสามารถป้องกันภาวะแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปเรียนรู้ วิธีดูน้ำหนักลูกในครรภ์ อย่างละเอียด พร้อมเทคนิคจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ วิธีอ่านผลอัลตราซาวด์ และตัวแปรต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับพัฒนาการของทารก


น้ำหนักลูกในครรภ์คืออะไร?

น้ำหนักลูกในครรภ์ (Estimated Fetal Weight: EFW) คือการประเมินน้ำหนักของทารกที่อยู่ในครรภ์ โดยอ้างอิงจากผลการ อัลตราซาวด์ (Ultrasound) ซึ่งจะคำนวณจากหลายองค์ประกอบ เช่น

  • เส้นรอบศีรษะ (Head Circumference)

  • ความยาวกระดูกต้นขา (Femur Length)

  • เส้นรอบท้อง (Abdominal Circumference)

  • เส้นผ่านศูนย์กลางของศีรษะ (Biparietal Diameter)

ค่าที่ได้จะถูกคำนวณผ่านสูตรเฉพาะ เพื่อให้ได้ค่า น้ำหนักทารกโดยประมาณในแต่ละอายุครรภ์


ตารางเทียบน้ำหนักทารกตามอายุครรภ์ (โดยประมาณ)

ตารางเทียบน้ำหนักทารกตามอายุครรภ์ (โดยประมาณ)

หมายเหตุ: น้ำหนักทารกอาจแตกต่างกันไปในแต่ละคน ขึ้นอยู่กับสุขภาพของแม่, พันธุกรรม และโภชนาการ


วิธีดูน้ำหนักลูกในครรภ์: ทำอย่างไร?

1. ตรวจอัลตราซาวด์ (Ultrasound)

นี่คือวิธีที่ แม่นยำและใช้กันมากที่สุด ในทางการแพทย์ โดยแพทย์จะใช้คลื่นเสียงความถี่สูงเพื่อดูการเจริญเติบโตของทารก พร้อมกับวัดขนาดอวัยวะสำคัญต่างๆ เพื่อคำนวณน้ำหนัก

ควรตรวจอัลตราซาวด์อย่างน้อย 3 ครั้ง ในช่วงตั้งครรภ์ ได้แก่ ไตรมาสแรก, กลาง และปลาย เพื่อประเมินการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง

2. สังเกตจากขนาดมดลูก

ในระหว่างการฝากครรภ์ แพทย์จะทำการวัด Fundal Height หรือ ความสูงของยอดมดลูก ซึ่งเป็นวิธีทางคลินิกในการประเมินขนาดของทารกโดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์พิเศษ

3. น้ำหนักตัวแม่

น้ำหนักตัวของแม่ที่เพิ่มขึ้นมากหรือน้อยเกินไปอาจเป็นสัญญาณเตือนว่า ลูกในครรภ์อาจมีน้ำหนักน้อยกว่าหรือมากกว่าเกณฑ์ ควรชั่งน้ำหนักเป็นประจำและปรึกษาแพทย์เมื่อมีข้อสงสัย


ปัจจัยที่มีผลต่อน้ำหนักลูกในครรภ์

  • โภชนาการของแม่: การได้รับสารอาหารครบถ้วน เช่น โปรตีน, ธาตุเหล็ก, กรดโฟลิก มีผลโดยตรงต่อน้ำหนักของทารก

  • สุขภาพของแม่: โรคประจำตัว เช่น เบาหวาน หรือความดันโลหิตสูง อาจมีผลต่อการเจริญเติบโตของลูก

  • พันธุกรรม: เด็กที่มีพ่อแม่ตัวใหญ่หรือตัวเล็ก ก็มีแนวโน้มมีน้ำหนักใกล้เคียงกัน

  • พฤติกรรมในชีวิตประจำวัน: การพักผ่อน, ความเครียด, การออกกำลังกาย ล้วนมีผลต่อพัฒนาการของทารกในครรภ์


น้ำหนักทารกผิดปกติ: ต้องระวัง!

น้ำหนักน้อยกว่าเกณฑ์ (Fetal Growth Restriction – FGR)

หากพบว่าทารกมีน้ำหนักน้อยกว่าร้อยละ 10 ของมาตรฐาน อาจเสี่ยงต่อภาวะ FGR ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการดูแลใกล้ชิดจากแพทย์

น้ำหนักมากกว่าเกณฑ์ (Macrosomia)

หากทารกมีน้ำหนักมากกว่า 4,000 กรัม อาจเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนขณะคลอด เช่น ไหล่ติด หรือการคลอดยาก


คำแนะนำจากกระทรวงสาธารณสุข

กระทรวงสาธารณสุขแนะนำให้คุณแม่ตั้งครรภ์ เข้ารับการฝากครรภ์ตั้งแต่เนิ่นๆ และตรวจติดตามน้ำหนักทารกเป็นระยะ เพื่อประเมินพัฒนาการอย่างต่อเนื่อง

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่:
กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข


สรุป: อย่ามองข้ามการติดตามน้ำหนักลูกในครรภ์

การดูแลและติดตาม น้ำหนักลูกในครรภ์ เป็นหัวใจสำคัญของการตั้งครรภ์ที่ปลอดภัยและสมบูรณ์แบบ อย่าลืมปรึกษาแพทย์ในทุกขั้นตอน เพื่อให้ลูกน้อยของคุณเติบโตอย่างแข็งแรงและพร้อมสำหรับการลืมตาดูโลก

ความรู้และความใส่ใจจากวันนี้ คือของขวัญที่ดีที่สุดสำหรับลูกน้อยในอนาคต


ฝันเห็นพบบางอย่างแฝงอารมณ์ความเหตุการณ์ในชีวิต 3 สามารถทำนาย
สมัคร Line-BK ไม่มีบัญชีกสิกร หากเราจะธนาคารแนะแนวทางสามารถ?
วิธีดูปลอมในความดูหมายกระบวนการในการตรวจสอบเราจะ 3 สามารถ
วิธีทำน้ำชานมเย็นหอมของชาไทยผสมผสานความหวานจาก 5 นมสดได้?
บัญชีมิจฉาชีพ BlackListSeller รวบรวมเบาะแสตรวจสอบ 3 ในการขาย
บัญชีธนาคารซิมแบบบริการทางการเงินรวม 5 บัญชีฝากธนาคารสามารถ
น้ําจิ้มข้าวมันไก่สูตรยกความดีความชอบน้ำจิ้มรสแบบโบราณสามารถ
Paramedic Ems ย่อมาจากการไหลเวียนเลือดความพยามในการจัด 7 จุด
การวางแผนการเดินทางแบบออกรอบ 8 เป็นกระบวนการวางแผนเดินทาง
ฝันว่านั่งรถขึ้นทางชันมากในความฝันหลายคนมักสงสัย 5 ความหมาย?
จำนวนคอมเมนต์ของโพสต์ ID 233417: 94